เดอะเบสท์ ศูนย์ภาษาและแนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร
ประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดกว้างสำหรับบุคคลต่างชาติที่เดินทางมาสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้ารับการศึกษา โดยทั่วไปแล้ว ชาวต่างประเทศที่มีความประสงค์เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาต้องได้รับวีซ่าสหรัฐอเมริกาก่อน วีซ่านี้จะติดไว้ในหนังสือเดินทางของผู้เดินทาง โดยมีทั้งวีซ่าชั่วคราวและวีซ่าถาวรและหากต้องการจะเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีวีซ่านักเรียน
ก่อนทำการยื่นคำร้องขอวีซ่าผู้สมัครที่เป็นนักเรียนทุกคนจะต้องได้รับการตอบรับให้เข้ารับการศึกษาจากทางโรงเรียนหรือโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อมีการตอบรับทางโรงเรียนจะส่งเอกสารยืนยันให้กับผู้สมัครแต่ละคน เพื่อนำมาใช้ยื่นประกอบการยื่นคำร้องขอวีซ่านักเรียน
ประเภทและระดับการศึกษา | ประเภทของวีซ่า |
University or College มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย |
F |
High School
โรงเรียนมัธยม |
|
Private elementary school
โรงเรียนประถมศึกษาเอกชน |
|
Seminary
โรงเรียนสอนศาสนา |
|
Conservatory
โรงเรียนสอนดนตรี |
|
Another academic institution, including a language training program
สถาบันการศึกษาประเภทอื่นรวมถึงโปรแกรมสอนภาษา |
|
Vocational or other recognized nonacademic institution, other than a language training program
สถาบันสอนวิชาชีพหรือสถาบันสอนอื่นๆที่ไม่ใช่วิชาการรวมทั้งสถาบันอื่นที่ไม่ใช่โปรแกรมสอนภาษา |
M |
โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าแต่ละประเภทและโอกาสทางการศึกษาในสหรัฐอเมริกาได้ที่เว็บไซต์ Education USA
กฎหมายสหรัฐฯไม่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติเข้าเรียนโรงเรียนของรัฐในระดับชั้นประถมศึกษา (อนุบาลถึงเกรด 8) หรือโครงการศึกษาระดับผู้ใหญ่ที่รัฐออกทุนให้ ดังนั้นจึงไม่สามารถออก F-1 ให้นักเรียนต่างชาติที่ต้องการเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนประเภทดังกล่าวได้
วีซ่าประเภท F-1 ใช้ได้สำหรับผู้สมัครที่เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนของรัฐในระดับมัธยมศึกษา (เกรด 9 ถึง 12) โดยที่นักเรียนจะสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวได้สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน โรงเรียนต้องระบุในแบบฟอร์ม I-20 มาด้วยว่า ว่านักเรียนชำระค่าธรรมเนียมในการศึกษาเอง ครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าประเภท F-1 ได้จากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
หมายเหตุ: ผู้ถือวีซ่าประเภท A, E, F-2, G, H-4, J-2, L-2, M-2 หรือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้ติดตามประเภทอื่นๆสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาของรัฐได้
หมายเหตุ: เอกสารทั้งหมดต้องได้รับการแปลและรับรองฉบับภาษาอังกฤษด้วย
ช่องทางในการชำระค่าธรรมเนียม SEVIS
– ชำระผ่านเว็บไซต์ www.FMJfee.com โดยนักเรียนต้องกรอกฟอร์ม I-901 และชำระเงินโดยหักจากบัตร Visa, Master หรือ American Express |
– ส่งแบบฟอร์ม I-901 ที่ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ www.FMJfee.com พร้อมทั้งซื้อดราฟท์จำนวน USD100 สั่งจ่าย “The Department of Homeland Security, Immigration and Customs Enforcement” |
ที่อยู่ส่งด่วน: I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee, 1005 Convention Plaza, St. Louis, MO 63101 USA
ที่อยู่ส่งไปรษณีย์ธรรมดา: I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee, PO Box 970020, St. Louis, MO 63197-0020
ข้อควรรู้เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม SEVIS
การยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F หรือ M ผู้ยื่นคำร้องจะต้องยื่นเอกสารต่อไปนี้
นอกจากเอกสารที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ต้องแสดงใบนัดสัมภาษณ์เพื่อยืนยันว่าผู้ยื่นคำร้องได้จองเวลานัดสัมภาษณ์ผ่านบริการนี้เรียบร้อยแล้ว และยังสามารถนำเอกสารประกอบอื่นๆ ที่เชื่อว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่กงสุลได้ติดตัวมาด้วย
สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร: 090-327 3558, 088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line: @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
ลำดับ | คำอธิบายวิธีการ |
ขั้นตอนที่ 1 | กรอกใบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) |
ขั้นตอนที่ 2 | ชำระค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอวีซ่า จำนวน 160 เหรียญสหรัฐ |
ขั้นตอนที่ 3
|
ทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าผ่านเว็บนี้ คุณจะต้องใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการทำนัดสัมภาษณ์
|
ขั้นตอนที่ 4
|
ไปที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาตามวันและเวลาที่คุณมีนัดสัมภาษณ์ คุณต้องนำใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ ใบยืนยัน DS-160 ของคุณ รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่งใบ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันและเล่มเก่าทั้งหมด และใบเสร็จการชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริงมาด้วย คำร้องที่ไม่มีเอกสารทั้งหมดข้างต้นจะไม่ได้รับการพิจารณา |
เอกสารเพิ่มเติมในการยื่นคำร้องขอวีซ่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่เจ้าหน้าที่กงสุลจะนำมาพิจารณาประกอบการสัมภาษณ์ โดยเจ้าหน้าที่กงสุลจะตัดสินใบคำร้องแต่ละกรณีโดยดูจากปัจจัยด้านอาชีพ สังคม วัฒนธรรม และปัจจัยอื่นๆที่มีอยู่ขณะที่ทำการพิจารณา โดยอาจดูจากเจตนา สถานการณ์ด้านครอบครัว แผนระยะยาวของผู้ยื่นคำร้อง ตลอดจนสถานการณ์ภายในประเทศที่ผู้ยื่นคำร้องอาศัยอยู่ ซึ่งแต่ละกรณีจะได้รับการพิจารณาเป็นรายบุคคลภายใต้กฎหมาย
ข้อควรระวัง: อย่าแสดงเอกสารปลอม การหลอกลวงหรือการกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการร้องขอวีซ่าอย่างถาวร หากมีความกังวลเรื่องความลับของข้อมูล ควรนำเอกสารต่างๆ ใส่ซองปิดผนึกมายังสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาด้วยตนเอง สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาจะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องต่อผู้ใดและจะเคารพข้อมูลที่เป็นความลับของผู้ยื่นคำร้อง
ในการนัดสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราวคุณต้องมีข้อมูลและเอกสารดังต่อไปนี้
ควรนำเอกสารต่อไปนี้มาในวันสัมภาษณ์ด้วย
อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้สมัครวีซ่านักเรียน ประเภท F (นักเรียนสายวิชาการ) และ M (นักเรียนสายวิชาชีพ) คือ 160 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 5,440.00 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันนี้จะมีผลใช้ได้จนถึง 12/09/2021) ข้อมูลมีการอัพเดตจากอัตราแลกเปลี่ยน คุณสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์นี้
ผู้สมัครสามารถชำระค่าธรรมเนียมยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวด้วยการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) โดยตรงจากบัญชีธนาคารของผู้สมัคร โปรดทราบว่าธนาคารเจ้าของบัญชีของผู้สมัครอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นี้ หากผู้สมัครสร้างโปรไฟล์ยื่นคำร้องขอวีซ่าพร้อมผู้ติดตาม (ที่เป็นครอบครัวหรือกลุ่ม) มาจากในระบบนัดหมาย ผู้สมัครชำระเงินเพียงครั้งเดียว (โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าจำนวนค่าธรรมเนียมวีซ่าบนคำแนะนำชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าถูกต้องตามจำนวนผู้สมัครทั้งหมดในหมู่คณะของคุณ
ผู้สมัครสามารถชำระค่าธรรมเนียมยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว ด้วยเงินสดได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขาในประเทศไทย
ผู้สมัครต้องพิมพ์ใบแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าสหรัฐฯ และ ใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากระบบก่อน นำทั้งสองรายการไปชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคาร โปรดคลิก https://www.krungsri.com/bank/en/Bank-Locations-and-Branches/BranchLocations.html เพื่อดูที่ตั้งสาขาต่างๆของธนาคาร
คลิก ที่นี่ สำหรับใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
คำเตือน: ใบคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่ามีวันหมดอายุ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากใบคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าหมดอายุก่อนที่ผู้สมัครจะได้ทำการชำระเงิน กรุณากลับมาที่ระบบใหม่และเลือกลิงค์ด้านล่างเพื่อพิมพ์ใบคำแนะนำในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าใหม่ ธนาคารจะไม่รับชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าหากคำแนะนำในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าของผู้สมัครหมดอายุ ผู้สมัครจะได้รับสำเนาใบฝากเงิน ส่วนของลูกค้า พร้อมตราประทับใช้แทนใบเสร็จรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุณาเก็บรักษาสำเนาใบฝากเงิน ส่วนของลูกค้านี้ไว้ เพื่อนำเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID ในใบเสร็จรับเงินมาทำนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าต่อไป หากสูญหาย ธนาคารไม่สามารถออกใบใหม่ให้ได้
ผู้สมัครทำนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ทาง ออนไลน์ หรือ เจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์ โดยใช้เลขที่อ้างอิง Virtual Account ID เพื่อทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า
ตารางแสดงระยะเวลาที่ผู้สมัครสามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว
ระยะเวลาที่ผู้สมัครสามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว | |
เวลาชำระค่าธรรมเนียม – โอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFT)
(จันทร์ถึงศุกร์ ไม่รวมวันหยุด) |
กำหนดเวลาที่เข้าไปทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ |
เริ่มวันจน 14:00 น. | 2 วันถัดไป: หลัง 12:00 น. |
เวลาชำระค่าธรรมเนียม – ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จันทร์ถึงศุกร์ ไม่รวมวันหยุด) | กำหนดเวลาที่เข้าไปทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ |
ทุกเวลา ณ สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา | วันทำการถัดไป หลัง 12:00 น. |
ระบบของสถานทูตจะให้ผู้สมัครทำการนัดและเปลี่ยนแปลงนัดสัมภาษณ์วีซ่า ได้ทั้งสิ้น 3 ครั้ง โปรดวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการสมัครขอวีซ่าใหม่ซ้ำ
ผู้สมัครวีซ่าที่มีสัญชาติไทย และมีนัดสัมภาษณืวีซ่าประเภท F, H, L หรือ R ต้องนำเงินสดหรือบัตรเครดิตติดตัวมาด้วยในวันสัมภาษณ์วีซ่า เพื่อชำระค่าหลักปฏิบัติต่างตอบแทน (Reciprocity Fee)
Visa Class | Reciprocity Fee |
F Visas | $40 |
H1/B Visas | $10 |
L Visas | $10 |
R Visas | $10 |
หากสถานทูต หรือ สถานกงสุล พิจารณาออกวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯ ให้กับผู้สมัคร บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด จะทำการจัดส่งหนังสือเดินทางที่มีหน้าวีซ่าให้ผู้สมัคร โดยจะทำการจัดส่งตามที่อยู่ที่ได้เลือกไว้ตอนที่ทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า
โปรดทราบว่า ที่ทำการไปรษณีย์จะเก็บหนังสือเดินทางของผู้สมัครไว้ 7 วันเท่านั้น หากไม่มีผู้รับในการจัดส่งครั้งแรก บริษัทไปรษณีย์ไทย จะทิ้งใบแจ้งเตือนให้ผู้สมัครติดต่อให้ทำการจัดส่งเป็นครั้งที่สอง หรือ ผู้สมัครอาจนำใบแจ้งเตือนมารับภายใน 7 วัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่ระบุไว้ในใบแจ้งเตือนนั้นก่อนเวลา 16.30 น. หากผู้สมัครไม่มารับหนังสือเดินทางภายใน 7 วัน หนังสือเดินทางจะถูกส่งไปที่ ที่ทำการไปรษณีย์รองเมือง (สำหรับผู้สัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯกรุงเทพฯ) หรือ ที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่ (สำหรับผู้สัมภาษณ์วีซ่าที่สถานกงสุลเชียงใหม่) ในวันจัดส่งที่ 8 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อผู้สมัครเป็นครั้งสุดท้าย หากยังไม่มีผู้รับ หนังสือเดินทางจะถูกส่งคืน สถานทูต หรือ สถานกงสุล ที่ผู้สมัครยื่นสมัครวีซ่าในวันจัดส่งที่ 15 ต่อไป
**หากผู้สมัครเดินทางมารับหนังสือเดินทาง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ผู้สมัครสามารถรับหนังสือเดินทางได้ก่อนเวลา 16.30 น. เท่านั้น**
ผู้สมัครสามารถติดตามสถานะใบยื่นคำร้องขอวีซ่าได้ที่นี่website.
ผู้สมัครสามารถทำการเปลี่ยนที่อยู่ในจัดส่งหนังสือเดินทางของตนเอง ออนไลน์ หรือผ่าน เจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์ ภายในเที่ยงของวันทำการก่อนหน้าวันนัดหมายสัมภาษณ์จริง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ
นักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงิน เพื่อยืนยันว่านักเรียนจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะสนับสนุนค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าที่พัก ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
จำนวนเงินที่จะต้องยื่นนั้นขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่เรียน ระยะเวลาการเรียน สถาบันที่สมัครเรียน และค่าครองชีพในเมืองหรือรัฐๆนั้น นักเรียนจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินแก่สถาบันการศึกษาตั้งแต่ตอนที่สมัครเรียนและต้องเตรียมสำหรับการยื่นวีซ่านักเรียนด้วย
น้องไบร์ทต้องการเรียนหลักสูตร English as a Second Language Program (ESL) ที่ Murray State University รัฐเคนทักกี ระยะเวลาเรียน 6 เดือน สามารถคำนวณยอดเงินขั้นต่ำได้ดังนี้
ตารางแสดงวิธีการคำนวณหลักฐานการเงิน คอร์สเรียนระยะเวลา 6 เดือน ระยะเวลาวีซ่า 8 เดือน |
||
รายการ | เงินดอลลาร์สหรัฐ | เงินบาท |
ค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าอุปกรณ์การเรียน | US$7,057 | 225,824 บาท |
ค่าครองชีพในรัฐเคนทักกี ($1,310.5 x 8 เดือน) | US$1,310.5 x 8 = US$10,484 | 335,488 บาท |
ค่าครองชีพของผู้ติดตาม | ||
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-เคนทักกี | US$2,000 | 64,000 บาท |
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | US$1,500 | 48,000 บาท |
รวมยอดเงินที่ต้องแสดง | US$21,041 | 673,312 บาท |
น้องวินต้องการเรียนหลักสูตร Master of Architecture ที่ Massachusetts Institute of Technology เมือง Cambridge รัฐ Massachusetts ระยะเวลา 2 ปี น้องวินต้องแสดงหลักฐานทางการเงินสำหรับปีการศึกษาแรกดังนี้
ตารางแสดงวิธีการคำนวณหลักฐานการเงินในปีการศึกษาแรก |
||
รายการ |
เงินดอลลาร์สหรัฐ | เงินบาท |
ค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าอุปกรณ์การเรียน | US$53,450 | 1,710,400 บาท |
ค่าธรรมเนียมกิจกรรมนักศึกษาต่อปี | US$340 | 10,880 บาท |
ค่าที่พักแบบ Housing (on-campus) | US$8,253 | 264,096 บาท |
ค่าอาหาร (on-campus) | US$5,000 | 160,000 บาท |
ค่าประกันสุขภาพ | US$3,269 | 104,608 บาท |
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-แคมบริดจ์ | US$2,000 | 64,000 บาท |
รวมยอดเงินที่ต้องแสดง | US$72,312 | 2,313,984 บาท |
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณคือ US$ 1 มีค่าประมาณ 32 บาท
เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกามีขนาดพื้นที่ใหญ่มากทำให้ค่าครองชีพแตกต่างกันในแต่ละเมือง และมีหลักสูตรคอร์สเรียนที่หลากหลายจากหลายสถาบันการศึกษาให้เลือกเรียน นักเรียนที่สนใจศึกษาต่อประเทศสหรัฐอเมริกาสามารถศึกษาข้อมูลค่าเรียนและค่าครองชีพเพิ่มเติมได้จากหน้าเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษาที่ตนเองสนใจเรียนต่อ
คู่สมรสและ/หรือบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี (ที่มีสถานภาพโสด) สามารถขอวีซ่าเพื่อติดตามผู้ถือวีซ่าหลักไปพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ แต่อย่างไรก็ดี โปรดทราบว่าผู้ปกครองของผู้ถือวีซ่าประเภท F หรือ M จะไม่มีสิทธิ์ในการขอวีซ่าติดตามนี้ได้
สมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้มีความประสงค์จะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริการ่วมกับผู้ถือวีซ่าหลัก แต่ต้องการไปเยี่ยมเพียงเพื่อการพักผ่อนเท่านั้น สามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าเยี่ยมเยียน (B-2) ได้
คู่สมรสและผู้ติดตามจะไม่สามารถทำงานระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ขณะที่ถือวีซ่าผู้ติดติดตามประเภท F หรือ M ในกรณีที่คู่สมรส/บุตรของคุณมีความประสงค์จะทำงาน จะต้องขอยื่นขอวีซ่าสำหรับการทำงานให้ถูกประเภท
เอกสารประกอบในการยื่นคำร้องขอวีซ่าสำหรับผู้ติดตาม
ผู้สมัครที่มีผู้ติดตามต้องแสดงเอกสารดังต่อไปนี้
ผู้ถือวีซ่าประเภท F-1 สามารถเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพเพิ่มเติมได้สูงสุด 12 เดือนหลังจบหลักสูตรที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว (ไม่รวมถึงวิทยานิพนธ์หรือเทียบเท่า) หรือหลังดำเนินการตามข้อกำหนดทั้งหมดแล้ว การฝึกอบรมวิชาชีพหรือ OPT นั้นจะแยกออกจากการศึกษาทางด้านวิชาการของนักเรียน และโดยทั่วไปแล้วเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม จะไม่ถูกรวมอยู่ในวิชาเรียนของนักเรียนตลอดจนจะไม่ถูกรวมอยู่ในวันสิ้นสุดการเรียน นักเรียนที่ยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F เพื่อทำ OPT จะสามารถใช้แบบฟอร์ม I-20 ที่ระบุวันสุดท้ายของการเรียนที่ได้ผ่านมาแล้วประกอบการยื่นคำร้อง ทั้งนี้แบบฟอร์ม I-20 ดังกล่าวจะต้องมีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในโรงเรียนระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการอนุมัติโครงการ OPT ที่จะยืดเวลาออกไปหลังจากเวลาเรียนปกติสิ้นสุดลงแล้วด้วย นอกจากนี้ นักเรียนยังต้องมีหลักฐานยืนยันว่าสำนักงาน USCIS ได้อนุมัติโครงการฝึกอบรมวิชาชีพแล้ว หรือกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยการแสดงบัตรอนุญาตทำงานหรือแบบฟอร์ม I-797 ซึ่งจะแสดงว่านักเรียนคนดังกล่าวกำลังอยู่ในกระบวนการสมัครโครงการ OPT
นักเรียนที่ไม่ได้เข้าเรียนเป็นเวลามากกว่าห้าเดือนจะต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F-1 หรือ M-1 ใหม่ได้ เพื่อกลับเข้าไปเรียนอีกครั้งหลังจากเดินทางไปต่างประเทศ ตามรายละเอียดที่ดังต่อไปนี้
ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าเมือง นักเรียน (F-1 หรือ M-1) สามารถเสียสถานภาพการเป็นนักเรียนได้หากไม่กลับเข้าเรียนต่อภายในห้าเดือนนับจากวันที่ได้ย้ายโรงเรียนหรือเปลี่ยนโครงการ ในกรณีที่เสียสถานภาพการเป็นนักเรียนวีซ่าประเภท F หรือ M ที่มีอยู่ก็จะไม่สามารถใช้เดินทางกลับเข้ามายังประเทศสหรัฐอเมริกาในอนาคตได้อีก ยกเว้นในกรณีที่สำนักงานUSCIS คืนสถานภาพให้ ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอขยาย/เปลี่ยนแปลงสถานะชั่วคราวแบบฟอร์ม I-539 เพื่อขอให้ต่อสถานะได้ที่เว็บไซต์ USCIS
นักเรียนที่เดินทางออกจากสหรัฐอเมริการะหว่างหยุดพักเรียนเป็นเวลาห้าเดือนขึ้นไปอาจเสียสถานภาพ F-1 หรือ M-1 ได้ เว้นแต่ในกรณีที่กิจกรรมที่ปฏิบัติหรือเข้าร่วมระหว่างอยู่ต่างประเทศนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียน ก่อนการเดินทางนักเรียนควรติดต่อผู้มีอำนาจของโรงเรียนก่อนเพื่อตรวจสอบว่ากิจกรรมที่คุณตั้งใจจะไปปฏิบัติหรือเข้าร่วมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียนหรือไม่
หากนักเรียนที่เดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาและขาดเรียนนานกว่า 5 เดือน เดินทางกลับมาขอเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าประเภท F-1 หรือ M-1 ที่เคยใช้มาก่อนและยังไม่หมดอายุ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ สามารถตัดสินว่าบุคคลนั้นไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศเนื่องจากไม่มีวีซ่าชั่วคราวที่ใช้งานได้อยู่ หรือหากเจ้าหน้าที่อนุญาตให้นักเรียนคนดังกล่าวยกเลิกการขอเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการยกเลิกวีซ่าตัวนั้น ดังนั้นนักเรียนควรมีความรอบคอบเป็นอย่างยิ่งในการยื่นคำร้องขอวีซ่าใหม่ที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาในต่างประเทศก่อนเดินทางกลับเข้ามายังสหรัฐอเมริกาเพื่อเรียนต่อ หลังจากที่ได้ขาดเรียนมาเกินห้าเดือนด้วยเหตุผลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียน
***อย่าสวมหมวกหรือสิ่งคลุมศีรษะที่เป็นการปกปิดผมหรือแนวผมยกเว้นในกรณีที่ผู้สมัครสวมใส่ทุกวันภายใต้ข้อกำหนดทางศาสนา ในรูปถ่ายจะต้องมองเห็นทั้งใบหน้าเต็มและสิ่งปิดคลุมศีรษะจะต้องไม่ทำให้เกิดเงาบนใบหน้า
ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าจะต้องผ่านการบันทึกลายนิ้วมือที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกา ในระหว่างขั้นตอนการสัมภาษณ์วีซ่า โดยจะมีการบันทึกลายนิ้วมือด้วยเครื่องบันทึกลายนิ้วมือดิจิตอล ทั้งนี้ผู้สมัครบางรายอาจจะไม่ต้องทำการบันทึกลายนิ้วมือ ซึ่งได้แก่:
ที่มา:
เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบ ด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”
สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร: 090-327 3558, 088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line: @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
A password will be e-mailed to you