เรียนต่อสหรัฐอเมริกา
Study in United States of America
ภาคการศึกษา
ระบบ | ภาคการศึกษา | รวมระยะเวลาการศึกษา |
Semester | เป็นระบบที่แพร่หลายที่สุด โดยแบ่งภาคการศึกษาออกเป็น
1. Fall Semester ประมาณปลายเดือนสิงหาคม – กลางเดือนธันวาคม 2. Spring Semester ประมาณต้นเดือนมกราคม – เดือนเมษายน 3. Summer Session ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม (ลงทะเบียนเรียนตามความสมัครใจ) |
ในระยะเวลาหนึ่งปีจะประกอบด้วย 2 ภาคเรียน คือ Fall และ Spring โดยอาจมี Summer Sessions 1 – 2 ครั้งต่อปี โดยแต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 16 สัปดาห์ |
Trimester | First Trimester: ประมาณเดือนกันยายน – ธันวาคม
Second Trimester: ประมาณเดือนมกราคม -เมษายน Third Trimester: ประมาณเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม |
ในหนึ่งปีแบ่งเป็น 3 ภาคเรียน แต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 12 สัปดาห์ |
Quarter | Fall Quarter: ประมาณเดือนกันยายน – ธันวาคม
Winter Quarter: ประมาณเดือนมกราคม – กลางมีนาคม Spring Quarter: ประมาณต้นเดือนเมษายน – มิถุนายน Summer Quarter: ประมาณกลางเดือนมิถุนายน – สิงหาคม |
ในหนึ่งปีแบ่งเป็น 4 ภาคเรียน แต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 10 สัปดาห์ |
4-1-4 | Fall Semester: ประมาณปลายเดือนสิงหาคม – ธันวาคม
Interim: ประมาณเดือนมกราคม (1 เดือน) Spring Semester: ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม |
แบ่งปีการศึกษาเป็น 2 ภาคเรียนใหญ่คือ Fall และ Spring คั่นด้วยภาคเรียนสั้น ๆ หรือ Interim เพื่อให้นักศึกษาทำการค้นคว้าวิจัยด้วยตนเองหรือออก Field Trip |
ระบบการศึกษา
โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา (Primary and Secondary School)
ประถมศึกษา (โรงเรียนประถม / ประถม)
โรงเรียนอนุบาลเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาระดับประถมศึกษาและเด็ก ๆ จะเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่อายุ 5 ปี ในช่วงชั้นประถมศึกษาพื้นฐานของความรู้ทั่วไปของนักเรียน ในการเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียน นักเรียนยังได้เรียนรู้แนวคิดพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมพลเมือง ดนตรี วิทยาศาสตร์ สุขภาพและพลศึกษา ส่วนใหญ่จะมีการแนะนำภาษาต่างประเทศโดยเริ่มจากปีการศึกษา (มัธยมต้น)
การศึกษาทั่วไป (มัธยมต้น)
การศึกษาในโรงเรียนนักเรียนจะได้รับหลักสูตรที่ยืดหยุ่นขึ้นเล็กน้อยโดยมีทั้งสื่อที่จำเป็นและไม่บังคับ ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนและการรวมกันของหลักสูตรแตกต่างกันไปตามเขตและประเภทของประกาศนียบัตรที่ต้องการ วิชาบังคับ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษและวิทยาศาสตร์ นักเรียนสามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มที่สอดคล้องกับระดับการศึกษาทางวิชาการได้
การศึกษาระดับมัธยมศึกษา (High School)
การศึกษาระดับมัธยมศึกษา (High School) ในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Junior High School) คือเกรด 7 และเกรค 8 และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Senior High School) คือเกรด 9 ถึง เกรด 12 นักเรียนที่เริ่มเข้าเรียนตามปกติและเรียนต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอนจะสำเร็จการศึกษา Grade 12 เมื่ออายุประมาณ 18 ปีและสามารถใช้วุฒิการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (High School Diploma/Certificate) นี้ ในการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาได้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาในสหรัฐอเมริกาต้องเรียนวิชาพื้นฐาน (core courses) ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา โดยบางโรงเรียนอาจต้องเรียนพลศึกษาด้วย นอกจากนี้ในโรงเรียนยังมีวิชาเลือก (elective courses) อาทิ ศิลปะ, การแสดง, คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี, ธุรกิจศึกษา ฯลฯ ให้นักเรียนเลือกเรียนตามความสนใจอีกด้วย นักเรียนต่างชาติที่เข้าไปศึกษาในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จะเข้าเรียนในโรงเรียนประจำของเอกชนหรือ Boarding School โดยทั่วไป นักเรียนไทยที่ไปเรียนต่อในระดับมัธยมที่สหรัฐอเมริกามักสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วจึงเข้าเรียนต่อชั้น Grade 10 ที่สหรัฐอเมริกา
การศึกษาระดับอุดมศึกษา (Higher Education)
สถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกาทั้งของรัฐและเอกชนมีมากมายเกือบ 4,500 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
- วิทยาลัยระบบ 2 ปีและวิทยาลัยชุมชน (Two-Year College and Community College) นักศึกษาที่เข้าเรียนในวิทยาลัยระบบ 2 ปีและวิทยาลัยชุมชนสามารถเลือกเรียนได้ 2 หลักสูตร คือ
1.1) Transferable Program เป็นหลักสูตรที่ครอบคลุมวิชาพื้นฐาน 2 ปีแรก ของการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยนักศึกษาจะลงทะเบียนเรียนวิชาบังคับ (General Education Requirements) เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นสามารถโอนหน่วยกิต (transfer credits) ไปยังมหาวิทยาลัยรัฐหรือเอกชนเพื่อศึกษาต่อระดับปี 3 ได้โดยเกรดเฉลี่ยที่นักศึกษาทำได้ระหว่าง 2 ปีนี้จะเป็นตัวกำหนดว่านักศึกษามีโอกาสได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยในระดับใด
1.2) Terminal Vocational Track เป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพเมื่อนักศึกษาเข้าเรียนเป็นเวลา 2 ปีและสำเร็จการศึกษา นักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา (Associate’s Degree) ในสาขาที่เลือกเรียน
- วิทยาลัย (College)
เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาหลักสูตร 4 ปี เปิดสอนในสาขาวิชาต่าง ๆ วิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ วิทยาลัยรัฐ (State College) และวิทยาลัยเอกชน (Private College) ซึ่งโดยทั่วไปวิทยาลัยเอกชนมีค่าเล่าเรียนราคาสูงกว่าวิทยาลัยรัฐ วิทยาลัยหลายแห่งปิดสอนถึงระดับปริญญาโท
- มหาวิทยาลัย (University)
เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี (4 ปี) ปริญญาโท (1-2 ปี) และปริญญาเอก (4-5 ปี) โดยเน้นการสอนและการค้นคว้าวิจัยในเชิงวิชาการ มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ มหาวิทยาลัยรัฐ (State University) และมหาวิทยาลัยเอกชน (Private University) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเล่าเรียนมักมีราคาสูงกว่ามหาวิทยาลัยรัฐ
- สถาบันทางวิชาชีพ (Professional School)
เป็นสถาบันวิชาชีพชั้นสูงที่ให้การฝึกอบรบเฉพาะด้านแก่นักศึกษาในด้านต่าง ๆ อาทิ แพทยศาสตร์ กฎหมาย เป็นตัน โดยหลักสูตรอาจมีระยะเวลาตั้งแต่ 3-8 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เรียน นักศึกษาจะเข้าศึกษาในสถาบันดังกล่าวหลังจากสำเร็จปริญญาตรีมาแล้ว
การสมัครเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา
ระดับ | คุณสมบัติของผู้สมัคร | เวลาการรับสมัคร/การเปิดภาคการศึกษา |
มัธยมศึกษาตอนปลาย | 1. มีผลการศึกษาระดับมัธยมปลาย คะแนนเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป
2. มีผลสอบ TOEFL 71 คะแนน ขึ้นไป/ELTS 6.0 ขึ้นไป |
การปิดรับสมัคร
ช่วงเดือนมกราคม – เมษายนของปีเดียวกัน การเปิดเทอม เดือนกันยายน (Fall Semester) |
ปริญญาโท/เอก | 1. ผลการศึกษา
1.1 ปริญญาโท ควรมีผลการศึกษาระดับปริญญาตรีคะแนนเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป 1.2 .ปริญญาเอก ควรมีผลการศึกษาระดับปริญญาโท คะแนนเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป 2. มีผลสอบ TOEFL 80 คะแนนขึ้นไป/ IELTS 6.5 ขึ้นไป |
การปิดรับสมัคร
ช่วงเดือนมกราคม – เมษายนของปีเดียวกัน การเปิดเทอม เดือนกันยายน (Fall Semester) |
Pathway / Pre-Master Program
**ระยะเวลาในการเรียน Pathway ขึ้น อยู่กับคะแนน TOEFL/IELTS |
1. ผลการศึกษา(เกรดเฉลี่ย) หรือ
2. คะแนนภาษา TOEFL/ IELTS หรือ 3. GMAT/GRE น้อยกว่าเกณฑ์ของปริญญาโท |
|
Intensive English Program
เป็นหลักสูตรที่ถูกออกแบบให้นักเรียนที่มุ่งฝึกทักษะภาษาอังกฤษในการเข้าเรียนต่อระดับปริญญา |
1. ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
2. จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาสูงสุด 3. สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารพื้นฐานเบื้องต้นได้ |
หมายเหตุ: เอกสารประกอบการสมัครแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน/ มหาวิทยาลัย และการเปิดเทอมของแต่ละสถาบันแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระบบภาคการศึกษา
ลักษณะข้อสอบเพื่อใช้ประกอบการสมัครเรียนในระดับต่าง ๆ
- SSAT (Secondary School Admission Test) แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1). Elementary – Level Test สำหรับนักเรียน Grade 3-4 ซึ่งไม่เป็นที่นิยมเท่า Middle-Level และ Upper- Level
2). Middle-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 5 – 7
3). Upper- Level Test สำหรับนักเรียน Grade 8- 11
ข้อสอบระดับกลางและระดับสูงประกอบไปด้วยการทดสอบความสามารถทางการคำนวณ (คณิตศาสตร์) และการทดสอบภาษาอังกฤษอันได้แก่ การอ่านและการเขียนเรียงความ ใช้เวลาทำข้อสอบ 3 ชั่วโมง 5 นาที (รวมเวลาพัก 15 นาที)
ศูนย์สอบ SSAT ประจำประเทศไทย
ที่ตั้ง: International School Bangkok (ISB)
39/7 ซ. นิชดาธานี ถ. สามัคคี อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี 11120
โทรศัพท์: 02-583-5401
สามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ http: //www.ssat.org/
- ISSE (Independent School Entrance Exam) แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ
1). Primary-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 2-4 [ไม่เป็นที่นิยม]
2). Lower-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 5-6
3). Middle-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 7-8
4). Upper- Level Test สำหรับนักเรียน Grade 9-1 2
ข้อสอบประกอบไปด้วยการทดสอบภาษาอังกฤษ คือ 1) Verbal Reasoning ที่วัดความเข้าใจเรื่องคำศัพท์ผ่านข้อสอบเกี่ยวกับ synonyms และการเติมประโยคให้สมบูรณ์ (sentence completion) และ 2) Reading Comprehension ที่วัดความเข้าใจในการอ่านบทความภาษาอังกฤษ
ส่วนข้อสอบวัดความสามารถหาคณิตศาสตร์ของ ISSE แบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ quantitative reasoning และ mathematics achievement นอกจากนี้ นักเรียนยังต้องทำการทดสอบการเขียนเรียงความซึ่งไม่ได้นำมาคิดเป็นคะแนน อย่างไรก็ดีข้อสอบส่วนการเขียนเรียงความนี้จะถูกส่งไปยังโรงเรียนที่นักเรียนต้องการจะสมัครด้วยเช่นกัน ใช้เวลาทำข้อสอบ 2 ชั่วโมง 40 นาที ระยะเวลาของการสอบแบ่งออกเป็นช่วง Fall (ส.ค.-พ.ย.) Winter (ธ.ค.-มี.ค.) และ Spring/Summer (เม.ย.-ก.ค.) สามารถสมัครสอบได้ที่ https://iseeonline.erbleam.org/Welcome.aspx หรือ www.iseetest.org
- SAT ประกอบด้วยข้อสอบ 2 ส่วน ได้แก่
1). Reading & Writing Section วัดความสามารถทางการอ่านจากเนื้อเรื่อง กราฟ และตาราง
2). Mathematics Section วัดความสามารถทางคณิตศาสตร์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครสอบกำหนดสอบปีละ 4 ครั้ง ในเดือนมีนาคม พฤษภาคม ตุลาคม และธันวาคม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ http://sat.collegeboard.org/
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
www.studyusa.com
www.edupass.org
www.nafsa.org
www.fastweb.com (Scholarship Search Site)
www.petersons.com
www.cgsnet.org (The Council of graduate Schools)
www.gradschools.com
www.collegeboard.com
www.embark.com
www.aamc.org (Association of American Medical Colleges)
www.princetonreview.com
ที่มา:
หนังสือสาระน่ารู้ OCSC Expo 2018
สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร: 090-327 3558, 088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line: @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริก