เดอะเบสท์ ศูนย์ภาษาและแนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

052-081-882 (สาขาเชียงใหม่)

053-354-225 (สาขาแม่โจ้)

Your search results

เรียนต่อสหรัฐอเมริกา

Last updated June 3, 2025 ago by Webmaster Thebest

เรียนต่อสหรัฐอเมริกา

Study in United States of America


ภาคการศึกษา

ระบบ ภาคการศึกษา รวมระยะเวลาการศึกษา
Semester เป็นระบบที่แพร่หลายที่สุด โดยแบ่งภาคการศึกษาออกเป็น

1.      Fall Semester

ประมาณปลายเดือนสิงหาคม – กลางเดือนธันวาคม

2.      Spring Semester

ประมาณต้นเดือนมกราคม – เดือนเมษายน

3.      Summer Session

ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม

(ลงทะเบียนเรียนตามความสมัครใจ)

ในระยะเวลาหนึ่งปีจะประกอบด้วย 2 ภาคเรียน คือ Fall และ Spring โดยอาจมี Summer Sessions 1 – 2 ครั้งต่อปี โดยแต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 16 สัปดาห์

Trimester First Trimester: ประมาณเดือนกันยายน – ธันวาคม

Second Trimester: ประมาณเดือนมกราคม -เมษายน

Third Trimester: ประมาณเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม

ในหนึ่งปีแบ่งเป็น 3 ภาคเรียน แต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 12 สัปดาห์

Quarter Fall Quarter: ประมาณเดือนกันยายน – ธันวาคม

Winter Quarter: ประมาณเดือนมกราคม – กลางมีนาคม

Spring Quarter: ประมาณต้นเดือนเมษายน – มิถุนายน

Summer Quarter: ประมาณกลางเดือนมิถุนายน – สิงหาคม

ในหนึ่งปีแบ่งเป็น 4 ภาคเรียน แต่ละภาคเรียนยาวประมาณ 10 สัปดาห์

4-1-4 Fall Semester: ประมาณปลายเดือนสิงหาคม – ธันวาคม

Interim: ประมาณเดือนมกราคม (1 เดือน)

Spring Semester: ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม

แบ่งปีการศึกษาเป็น 2 ภาคเรียนใหญ่คือ Fall และ Spring คั่นด้วยภาคเรียนสั้น ๆ หรือ Interim เพื่อให้นักศึกษาทำการค้นคว้าวิจัยด้วยตนเองหรือออก Field Trip

ระบบการศึกษา

โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา (Primary and Secondary School)

ประถมศึกษา (โรงเรียนประถม / ประถม)

โรงเรียนอนุบาลเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาระดับประถมศึกษาและเด็ก ๆ จะเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่อายุ 5 ปี ในช่วงชั้นประถมศึกษาพื้นฐานของความรู้ทั่วไปของนักเรียน ในการเรียนรู้ที่จะอ่านและเขียน นักเรียนยังได้เรียนรู้แนวคิดพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมพลเมือง ดนตรี วิทยาศาสตร์ สุขภาพและพลศึกษา ส่วนใหญ่จะมีการแนะนำภาษาต่างประเทศโดยเริ่มจากปีการศึกษา (มัธยมต้น)

การศึกษาทั่วไป (มัธยมต้น)

การศึกษาในโรงเรียนนักเรียนจะได้รับหลักสูตรที่ยืดหยุ่นขึ้นเล็กน้อยโดยมีทั้งสื่อที่จำเป็นและไม่บังคับ ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนและการรวมกันของหลักสูตรแตกต่างกันไปตามเขตและประเภทของประกาศนียบัตรที่ต้องการ วิชาบังคับ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษและวิทยาศาสตร์ นักเรียนสามารถจัดให้อยู่ในกลุ่มที่สอดคล้องกับระดับการศึกษาทางวิชาการได้

การศึกษาระดับมัธยมศึกษา (High School)

การศึกษาระดับมัธยมศึกษา (High School) ในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Junior High School) คือเกรด 7 และเกรด 8 และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Senior High School) คือเกรด 9 ถึง เกรด 12 นักเรียนที่เริ่มเข้าเรียนตามปกติและเรียนต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอนจะสำเร็จการศึกษา Grade 12 เมื่ออายุประมาณ 18 ปีและสามารถใช้วุฒิการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (High School Diploma/Certificate) นี้ ในการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาได้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาในสหรัฐอเมริกาต้องเรียนวิชาพื้นฐาน (core courses) ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา โดยบางโรงเรียนอาจต้องเรียนพลศึกษาด้วย นอกจากนี้ในโรงเรียนยังมีวิชาเลือก (elective courses) อาทิ ศิลปะ, การแสดง, คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี, ธุรกิจศึกษา ฯลฯ ให้นักเรียนเลือกเรียนตามความสนใจอีกด้วย นักเรียนต่างชาติที่เข้าไปศึกษาในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จะเข้าเรียนในโรงเรียนประจำของเอกชนหรือ Boarding School โดยทั่วไป นักเรียนไทยที่ไปเรียนต่อในระดับมัธยมที่สหรัฐอเมริกามักสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนแล้วจึงเข้าเรียนต่อชั้น Grade 10 ที่สหรัฐอเมริกา

การศึกษาระดับอุดมศึกษา (Higher Education)

สถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกาทั้งของรัฐและเอกชนมีมากมายเกือบ 4,500 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

  1. วิทยาลัยระบบ 2 ปีและวิทยาลัยชุมชน (Two-Year College and Community College) นักศึกษาที่เข้าเรียนในวิทยาลัยระบบ 2 ปีและวิทยาลัยชุมชนสามารถเลือกเรียนได้ 2 หลักสูตร คือ

1.1) Transferable Program เป็นหลักสูตรที่ครอบคลุมวิชาพื้นฐาน 2 ปีแรก ของการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยนักศึกษาจะลงทะเบียนเรียนวิชาบังคับ (General Education Requirements) เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นสามารถโอนหน่วยกิต (transfer credits) ไปยังมหาวิทยาลัยรัฐหรือเอกชนเพื่อศึกษาต่อระดับปี 3 ได้โดยเกรดเฉลี่ยที่นักศึกษาทำได้ระหว่าง 2 ปีนี้จะเป็นตัวกำหนดว่านักศึกษามีโอกาสได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยในระดับใด

1.2) Terminal Vocational Track เป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพเมื่อนักศึกษาเข้าเรียนเป็นเวลา 2 ปีและสำเร็จการศึกษา นักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา (Associate’s Degree) ในสาขาที่เลือกเรียน

  1. วิทยาลัย (College)

เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาหลักสูตร 4 ปี เปิดสอนในสาขาวิชาต่าง ๆ วิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ วิทยาลัยรัฐ (State College) และวิทยาลัยเอกชน (Private College) ซึ่งโดยทั่วไปวิทยาลัยเอกชนมีค่าเล่าเรียนราคาสูงกว่าวิทยาลัยรัฐ วิทยาลัยหลายแห่งปิดสอนถึงระดับปริญญาโท

  1. มหาวิทยาลัย (University)

เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรี (4 ปี) ปริญญาโท (1-2 ปี) และปริญญาเอก (4-5 ปี) โดยเน้นการสอนและการค้นคว้าวิจัยในเชิงวิชาการ มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ มหาวิทยาลัยรัฐ (State University) และมหาวิทยาลัยเอกชน (Private University) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเล่าเรียนมักมีราคาสูงกว่ามหาวิทยาลัยรัฐ

  1. สถาบันทางวิชาชีพ (Professional School)

เป็นสถาบันวิชาชีพชั้นสูงที่ให้การฝึกอบรบเฉพาะด้านแก่นักศึกษาในด้านต่าง ๆ อาทิ แพทยศาสตร์ กฎหมาย เป็นตัน โดยหลักสูตรอาจมีระยะเวลาตั้งแต่ 3-8 ปี ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เรียน นักศึกษาจะเข้าศึกษาในสถาบันดังกล่าวหลังจากสำเร็จปริญญาตรีมาแล้ว

การสมัครเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษา

ระดับ คุณสมบัติของผู้สมัคร เวลาการรับสมัคร/การเปิดภาคการศึกษา
มัธยมศึกษาตอนปลาย 1. มีผลการศึกษาระดับมัธยมปลาย คะแนนเฉลี่ย 2.5 ขึ้นไป

2. มีผลสอบ TOEFL 71 คะแนน ขึ้นไป/ELTS 6.0 ขึ้นไป

การปิดรับสมัคร

ช่วงเดือนมกราคม – เมษายนของปีเดียวกัน

การเปิดเทอม

เดือนกันยายน (Fall Semester)

ปริญญาโท/เอก 1. ผลการศึกษา

1.1 ปริญญาโท ควรมีผลการศึกษาระดับปริญญาตรีคะแนนเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป

1.2 ปริญญาเอก ควรมีผลการศึกษาระดับปริญญาโท คะแนนเฉลี่ย 3.0 ขึ้นไป

2. มีผลสอบ TOEFL 80 คะแนนขึ้นไป/ IELTS 6.5 ขึ้นไป

การปิดรับสมัคร

ช่วงเดือนมกราคม – เมษายนของปีเดียวกัน

การเปิดเทอม

เดือนกันยายน (Fall Semester)

Pathway / Pre-Master Program

**ระยะเวลาในการเรียน Pathway ขึ้นอยู่กับคะแนน TOEFL/IELTS

1. ผลการศึกษา(เกรดเฉลี่ย) หรือ

2. คะแนนภาษา TOEFL/ IELTS หรือ

3. GMAT/GRE น้อยกว่าเกณฑ์ของปริญญาโท

Intensive English Program

เป็นหลักสูตรที่ถูกออกแบบให้นักเรียนที่มุ่งฝึกทักษะภาษาอังกฤษในการเข้าเรียนต่อระดับปริญญา

1. ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป

2. จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาสูงสุด

3. สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเบื้องต้นได้

หมายเหตุ: เอกสารประกอบการสมัครแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน/ มหาวิทยาลัย และการเปิดเทอมของแต่ละสถาบันแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระบบภาคการศึกษา

ลักษณะข้อสอบเพื่อใช้ประกอบการสมัครเรียนในระดับต่าง ๆ

  1. SSAT (Secondary School Admission Test) แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

1). Elementary – Level Test สำหรับนักเรียน Grade 3-4 ซึ่งไม่เป็นที่นิยมเท่า Middle-Level และ Upper- Level

2). Middle-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 5 – 7

3). Upper- Level Test สำหรับนักเรียน Grade 8 – 11

ข้อสอบระดับกลางและระดับสูงประกอบไปด้วยการทดสอบความสามารถทางการคำนวณ (คณิตศาสตร์) และการทดสอบภาษาอังกฤษอันได้แก่ การอ่านและการเขียนเรียงความ ใช้เวลาทำข้อสอบ 3 ชั่วโมง 5 นาที (รวมเวลาพัก 15 นาที)

ศูนย์สอบ SSAT ประจำประเทศไทย

ที่ตั้ง: International School Bangkok (ISB)

39/7 ซ. นิชดาธานี ถ. สามัคคี อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี 11120

โทรศัพท์: 02-583-5401

สามารถสมัครสอบได้ที่เว็บไซต์ http: //www.ssat.org/

  1. ISSE (Independent School Entrance Exam) แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ

1). Primary-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 2-4 [ไม่เป็นที่นิยม]

2). Lower-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 5-6

3). Middle-Level Test สำหรับนักเรียน Grade 7-8

4). Upper- Level Test สำหรับนักเรียน Grade 9-12

ข้อสอบประกอบไปด้วยการทดสอบภาษาอังกฤษ คือ 1) Verbal Reasoning ที่วัดความเข้าใจเรื่องคำศัพท์ผ่านข้อสอบเกี่ยวกับ synonyms และการเติมประโยคให้สมบูรณ์ (sentence completion) และ 2) Reading Comprehension ที่วัดความเข้าใจในการอ่านบทความภาษาอังกฤษ

ส่วนข้อสอบวัดความสามารถทางคณิตศาสตร์ ISSE แบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้แก่ quantitative reasoning และ mathematics achievement นอกจากนี้ นักเรียนยังต้องทำการทดสอบการเขียนเรียงความซึ่งไม่ได้นำมาคิดเป็นคะแนน อย่างไรก็ดีข้อสอบส่วนการเขียนเรียงความนี้จะถูกส่งไปยังโรงเรียนที่นักเรียนต้องการจะสมัครด้วยเช่นกัน ใช้เวลาทำข้อสอบ 2 ชั่วโมง 40 นาที ระยะเวลาของการสอบแบ่งออกเป็นช่วง Fall (ส.ค.-พ.ย.) Winter (ธ.ค.-มี.ค.) และ Spring/Summer (เม.ย.-ก.ค.) สามารถสมัครสอบได้ที่ https://iseeonline.erblearn.org หรือ https://www.iseetests.com/

  1. SAT ประกอบด้วยข้อสอบ 2 ส่วน ได้แก่

1). Reading & Writing Section วัดความสามารถทางการอ่านจากเนื้อเรื่อง กราฟ และตาราง

2). Mathematics Section วัดความสามารถทางคณิตศาสตร์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครสอบกำหนดสอบปีละ 4 ครั้ง ในเดือนมีนาคม พฤษภาคม ตุลาคม และธันวาคม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ http://sat.collegeboard.org/

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา

www.studyusa.com

www.edupass.org

www.nafsa.org

www.fastweb.com (Scholarship Search Site)

www.petersons.com

www.cgsnet.org (The Council of graduate Schools)

www.gradschools.com

www.collegeboard.com

www.embark.com

www.aamc.org (Association of American Medical Colleges)

www.princetonreview.com

ที่มา: 

หนังสือสาระน่ารู้ OCSC Expo 2018

 สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร: 090-327 3558088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line@thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริกา เรียนต่ออเมริก

Compare Listings