IELTS (International English Language Testing System)
คือ ชื่อย่อของระบบการวัดผลภาษาอังกฤษนานาชาติ ซึ่งเป็นระบบทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก แต่ความประสงค์ที่จะใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษาต่อ หรือทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ IELTS จัดทำและพัฒนาโดย IDP Education Australia; IELTS Australia, the University of Cambridge Local Examinations Syndicate (UCLES) The British Council ซึ่งในปัจจุบันนี้มีศูนย์สอบกว่า 250 แห่งทั่วโลก เมื่อพูดถึงการทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษก่อนไปศึกษาต่อต่างประเทศ คนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงการสอบ TOEFL ซึ่งเป็นการทดสอบระบบ American แต่สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวศึกษาต่อที่ประเทศ Australia, England, New Zealand หรือต่างประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ จะต้องใช้ผลสอบ IELTS หรือ TOEFL อย่าใดอย่างหนึ่งก็ได้ เนื่องจากปัจจุบันมหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษาต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ ต้องการใช้ผลสอบ IELTS มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ในแคนนาดาและอเมริกาเอง ก็เริ่มยอมรับผลสอบ IELTS มากขึ้นเช่นกัน IELTS เป็นระบบวัดผลภาษาอังกฤษ สำหรับการศึกษาต่อชนิดเดียว ที่ให้ความสำคัญต่อภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง, พูด, อ่าน และเขียน โดยให้คะแนนทั้ง 4 ทักษะ แยกออกจากกัน สามารถวัดผลได้ชัดเจน แม่นยำ และถูกต้องตรงกับความสามารถในการใช้ภาษาที่แท้จริง ของผู้สอบ IELTS จะทดสอบทั้ง 4 ทักษะ
IELTS แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- เพื่อการศึกษาต่อ (ACADEMIC modules) เพื่อเป็นการทดสอบความพร้อมในการศึกษาต่อในต่างประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งในระดับ ปริญญาตรี และปริญญาโท
เพื่อการฝึกอบรม (GENERAL TRAINING modules) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวัดความพร้อมเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยม การฝึกอบรมหรือ ทำงานในต่างประเทศที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วข้อสอบจะใช้วัดความรู้ภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน และจะไม่ซับซ้อนเหมือนกับ ผู้ที่ต้องการวัดระดับความรู้เพื่อศึกษาต่อ และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศนิวซีแลนด์ หรือ ออสเตรเลีย
การทดสอบ IELTS ในแต่ละทักษะ
– Listening 30 นาที ผู้สอบต้องฟังเนื้อเรื่องจากเทปซึ่งเนื้อหาจะประกอบไปด้วยการสนทนาและบทพูด รวมทั้งการออกเสียง ผู้สอบจะได้ฟังเทปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นแต่จะให้เวลาในการอ่านคำถามและ เขียนคำตอบ
– Reading 60 นาที มีเนื้อเรื่องให้อ่าน 3 ตอน พร้อมด้วยคำถามที่ต้องปฎิบัติตาม ซึ่งเนื่อหาเหล่านี้ได้มาจากหนังสือ นิตยสาร และ หนังสือพิมพ์ ในทุกๆเรื่องเป็นเรื่องทั่วไป ไม่ได้เจาะจงเฉพาะทางใดทางหนึ่ง
– Writing 60 นาที มี 2 หัวข้อ หัวข้อแรกผู้สอบต้องเขียนรายงานประมาณ 150 คำ ตามเนื้อหาในภาพ เพื่อแสดงความสามารถในการบรรยายรายละเอียดและอธิบายข้อมูลจากภาพ หัวข้อที่ 2 ให้ผู้สอบ เขียนเรียงความสั้นๆประมาณ 250 คำ เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือตอบปัญหาโดยถ่ายทอดมาเป็นการเขียนที่เหมาะสม
– Speaking 11-14 นาที รูปแบบการสอบประกอบไปด้วยการสัมภาษณ์ปากเปล่าระหว่างผู้สอบและอาจารย์โดยมี 3 ส่วนหลักๆ คือ
- คำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเองและครอบครัว
- ผู้สอบจะได้บัตรเพื่อให้พูดเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ
3. อาจารย์จะหยิบยกประเด็นขึ้นมาเพื่อให้ผู้สอบต้องโยงให้เข้ากับหัวข้อในส่วน ที่ 2
สถานที่และเวลาในการจัดสอบ IELTS
ทำการสอบ IELTS ได้ทุกสัปดาห์ (ใน 1 เดือน จะจัดสอบ 4 ครั้ง สามครั้งในวันเสาร์ และ หนึ่งครั้งในวันพฤหัส) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศูนย์สอบ สถานที่ทดสอบจะอยู่ในเขตเมืองใหญ่ทั่วประเทศ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ เชียงใหม่ และภูเก็ต (กรุณาตรวจสอบตารางการสอบของ The British Council และ IDP) ควรสมัครสอบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน นอกจากนี้ทาง British Council อาจจัดสอบเพิ่มเติมตามความเหมาะสม
เอกสารในการสมัครสอบ IELTS
- ใบสมัครสอบ (IELTS Application form) ที่กรอกข้อมูลครบถ้วน (กรอกเป็นภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่)
- หนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนา
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 ใบ ฉากหลังสีขาว ซึ่งถ่ายภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
- เงินค่าสมัครประมาณ 6,300 บาท
(หมายเหตุ: ผู้สมัครสอบควรมีอายุไม่น้อยกว่า 16 ปี)
ผลสอบ IELTS
จะประกาศหลังจากสอบเสร็จ 13 วันโดยจะส่งผลสอบไปให้ทางไปรษณ์ตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ ผลการสอบสามารถใช้ได้เป็นเวลาสองปีนับจากวันสอบ และสามารถสอบครั้งต่อไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเว้นระยะหลังจากการสอบครั้งล่าสุด
ผลคะแนน IELTS แบ่งออกเป็น 9 ระดับ
ระดับ 9 Expert user (มีความสามารถในการใช้ภาษาดีเลิศ)
สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะสม ถูกต้องแม่นยำ และมีเข้าใจในภาษาดีเยี่ยม
ระดับ 8 Very good user (มีความสามารถในการใช้ภาษาดีมาก)
สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องและคล่องแคล่ว แต่อาจมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมบ้างบางครั้งคราวในสถานการณ์ที่ไม่คุ้น เคย สามารถถกปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมีเหตุผลได้ดี
ระดับ 7 Good user (มีความสามารถในการใช้ภาษาดี)
สามารถใช้ภาษาได้ดีแต่ยังมีความผิดพลาดและเข้าใจผิดในบางโอกาส แต่โดยทั่วไปสามารถใช้ภาษาในลักษณะที่ซับซ้อนได้ดีและเข้าใจในการให้เหตุผล ได้ดี
ระดับ 6 Competent user (มีความสามารถในระดับใช้งานได้)
มีความสามรถในการใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมในการใช้ภาษาบ้าง แต่ก็สามรถสื่อสารและเข้าใจภาษาที่ซับซ้อนได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ ที่คุ้นเคย
ระดับ 5 Modest user (สามารถใช้ภาษาในระดับปานกลาง)
มีความสามารถในการใช้ภาษาได้บางส่วนและเข้าใจความหมายกว้างในสถานการณ์ส่วน ใหญ่ แต่ยังมีข้อผิดพลาดบ่อยๆแต่ก็สามารถสื่อสารในระดับพื้นฐานในเรื่องที่ตนถนัด ได้ดี
ระดับ 4 Limited user (มีความสามารถในการสื่อสารจำกัด)
มีความสามารถในการสื่อสารจำกัดเฉพาะเรื่องที่ตนเองคุ้นเคย มีปัญหาในการสื่อสาร การเข้าใจและการแสดงออกทางความคิด และไม่สามารถใช้ภาษาที่ซับซ้อนได้
ระดับ 3 Extremely limited user (มีความสามารถในการใช้ภาษาที่จำกัดมาก)
รู้และเข้าใจความหมายกว้างๆในสถานการณ์ที่คุ้นเคยและมีการหยุดชะงักในการสื่อสารบ่อย
ระดับ 2 Intermittent user (ไม่สามารถสื่อสารคำศัพท์ขั้นพื้นฐานได้)
ไม่สามารถสื่อสารเป็นเรื่องราวได้ พูดได้เป็นคำๆเฉพาะคำคัพท์สั้นๆที่คุ้นเคยเท่านั้น มีปัญหาในการทำความเข้าใจภาษาพูดและภาษาเขียน
ระดับ 1 Non-user (ใช้ภาษาไม่ได้เลย)
ไม่สามารถใช้ภาษาได้นอกจากคำศัพท์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ติวสอบIELTSเชียงใหม่, ติวสอบTOEICเชียงใหม่, ติวสอบTOEFLเชียงใหม่, ติวสอบอังกฤษเชียงใหม่, เรียนต่อต่างประเทศ, วีซ่าญี่ปุ่น, ข้อมูลประเทศญี่ปุ่น,เรียนielts