เดอะเบสท์ ศูนย์ภาษาและแนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

052-081-882 (สาขาเชียงใหม่)

053-354-225 (สาขาแม่โจ้)

Last updated 1 year ago by Webmaster Thebest

เรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College วิทยาลัยอาชีพใจกลางเมลเบิร์น


การ เรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College เป็นทางเลือกที่เหมาะมากสำหรับน้อง ๆ ที่อยากเริ่มต้นสายบัญชี บริหารธุรกิจ IT หรือ Hospitality ในงบประมาณที่เอื้อมถึง วิทยาลัยอาชีพ (VET) แห่งนี้เป็น Registered Training Organisation (RTO) ของออสเตรเลีย เปิดสอนหลักสูตรที่ได้รับการรับรองระดับประเทศ ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจเมืองเมลเบิร์น ใกล้รถราง รถไฟ แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และแหล่งงานพาร์ทไทม์ของนักศึกษา

Blue Lotus College (BLC) ออกแบบหลักสูตรร่วมกับภาคอุตสาหกรรม เน้นเรียนจริง ลงมือทำจริง นักเรียนไม่ได้แค่นั่งฟังบรรยาย แต่ได้ใช้ซอฟต์แวร์บัญชี ระบบจัดการธุรกิจ และเครื่องมือที่ใช้ในองค์กรจริง ทำให้นักเรียนที่เลือก เรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College พร้อมกว่าในวันที่ต้องสมัครงาน หรือเดินหน้าต่อในสายอาชีพที่ต้องการ ทั้งสำหรับเด็กจบใหม่ ผู้ที่อยากเปลี่ยนสายงาน และวัยทำงานที่ต้องการเพิ่มวุฒิการศึกษา

สำหรับผู้ปกครอง จุดเด่นคือ BLC มีการดูแลนักเรียนต่างชาติอย่างใกล้ชิด ห้องเรียนมีขนาดไม่ใหญ่ ครูผู้สอนจำชื่อนักเรียนได้ทุกคนและกล้าถาม–ตอบตลอดคาบ จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับน้อง ๆ คนไทยที่อาจยังไม่มั่นใจภาษาอังกฤษ แต่ต้องการเริ่มต้นการใช้ชีวิตในออสเตรเลียอย่างจริงจัง

ทำความรู้จักการเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College

Blue Lotus College เป็นสถาบันฝึกอบรมอาชีพที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ ภายใต้หมายเลข RTO 45392 และรหัส CRICOS 03790G เปิดสอนทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษ (ELICOS) และหลักสูตรสายอาชีพด้านบัญชี ธุรกิจ การเป็นผู้นำ เทคโนโลยีสารสนเทศ การดูแลผู้สูงอายุ บริการชุมชน และ Hospitality หลักสูตรทุกโปรแกรมอยู่ภายใต้มาตรฐาน Australian Qualifications Framework (AQF) จึงมั่นใจได้ว่าคุณวุฒิที่ได้รับเป็นที่ยอมรับทั่วออสเตรเลีย

วิทยาเขตของ Blue Lotus College ตั้งอยู่บนถนน Elizabeth Street และ Swanston Street ใจกลางย่านธุรกิจ Melbourne CBD อยู่ในโซนรถรางฟรี (Free Tram Zone) นักเรียนสามารถเดินทางไป–กลับเรียนด้วยรถรางหรือรถไฟได้สะดวก รอบ ๆ วิทยาลัยมีร้านอาหารเอเชีย ซูเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย คาเฟ่ และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสบายมาก

หลักสูตรของวิทยาลัยถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานจริง มีการอัปเดตตามการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ ชั้นเรียนดำเนินการโดยผู้ฝึกสอนที่มีทั้งประสบการณ์สอนและประสบการณ์ทำงานจริง นักศึกษาจะได้รับการสนับสนุนจากทีมงานมืออาชีพ ฝ่ายบริการนักเรียน และผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงการศึกษามาอย่างยาวนาน

ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ การตัดสินใจมา เรียนต่อออสเตรเลีย ไม่ได้หมายถึงแค่การ “ไปเรียนภาษา” แต่คือการลงทุนเพื่อสร้างทักษะอาชีพ เครือข่ายเพื่อนต่างชาติ และโอกาสในการทำงานในอนาคต

จุดเด่นของการเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College

  • เน้นสายอาชีพที่ตลาดต้องการ – มุ่งเน้นด้านการจัดการ การบัญชี IT Hospitality Community Services และ Individual Support ซึ่งเป็นสาขาที่มีความต้องการแรงงานสูงในออสเตรเลีย
  • คุณวุฒิมาตรฐานระดับประเทศ – ส่งมอบคุณวุฒิภายใต้มาตรฐาน Australian Qualifications Framework (AQF) ใช้สมัครงานหรือเรียนต่อได้ทั่วออสเตรเลีย
  • คอร์สเดี่ยว & แพ็กเกจระยะยาว – เลือกได้ทั้งเรียน 1 ปี หรือแพ็กเกจ 2–3 ปี ช่วยวางแผนวีซ่าได้ยาวต่อเนื่อง เหมาะกับคนที่อยากเรียนและทำงานในออสเตรเลียแบบจริงจัง
  • ชั้นเรียนขนาดเล็ก ดูแลใกล้ชิด – นักเรียนได้รับ Feedback รายสัปดาห์ ครูสามารถช่วยวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของแต่ละคนได้อย่างละเอียด
  • ผสมผสานการสอนแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ – ใช้ซอฟต์แวร์บัญชี ระบบจัดการเรียนออนไลน์ และแพลตฟอร์มสื่อสารกับครู ทำให้ติดตามความก้าวหน้าของตัวเองได้ตลอดเวลา
  • บริการ Student Support สำหรับนักเรียนต่างชาติ – ช่วยเรื่องการเปิดบัญชีธนาคาร ทำบัตรโดยสาร Myki การหาที่พัก และการปรับตัวในช่วงแรกของการใช้ชีวิตในเมลเบิร์น
  • ที่ปรึกษาอาชีพและการเขียนเรซูเม่ – มี Workshop สอนเขียน Resume และเตรียมตัวสัมภาษณ์งานสำหรับนักเรียนที่ต้องการหางานพาร์ทไทม์หรือเตรียมก้าวสู่สายอาชีพ

ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ทำให้การ เรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College เป็นตัวเลือกที่ทั้งคุ้มค่าและปลอดภัยสำหรับผู้ปกครองที่อยากให้บุตรหลานมีอนาคตในต่างประเทศ

รางวัล การรับรอง และความร่วมมือของ Blue Lotus College

เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง ผ่านการรับรองและมีความร่วมมือกับองค์กรสำคัญในระบบการศึกษาออสเตรเลีย ดังนี้

  • จดทะเบียนเป็น Registered Training Organisation (RTO 45392) ภายใต้รัฐบาลออสเตรเลีย
  • มีรหัส CRICOS 03790G สามารถรับนักเรียนต่างชาติที่ถือวีซ่านักเรียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย
  • หลักสูตรอยู่ภายใต้มาตรฐาน Australian Qualifications Framework (AQF) ใช้เป็นฐานในการโอนหน่วยกิตไปมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้
  • เป็นพาร์ทเนอร์กับ Southern Cross University (SCU) เปิดโอกาสให้โอนหน่วยกิตจาก Diploma ของ ไปเรียนต่อปีที่ 2 ของหลักสูตรปริญญาตรีในหลายสาขา เช่น Business, Accounting, IT, Arts และ Digital Media

Blue Lotus College: RTO code 45392 | Melbourne VIC Southern Cross University - Wikipedia

Pathway ที่ชัดเจนนี้ทำให้หลายครอบครัวเลือกใช้ เรียนต่อออสเตรเลีย เป็น “จุดเริ่มต้น” ก่อนเดินหน้าต่อสู่ปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย เพราะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เมื่อเทียบกับการเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรงตั้งแต่ปีแรก

หลักสูตรที่เปิดสอนที่ Blue Lotus College

นักเรียนที่เลือก เรียนต่อออสเตรเลีย สามารถวางแผนเส้นทางการเรียนได้ยืดหยุ่น จากทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษ และหลักสูตรวิชาชีพหลายแขนง เหมาะกับทั้งน้อง ม.6 จบใหม่ ปวช./ปวส. และวัยทำงานที่ต้องการ Upskill หรือ Reskill ตัวเอง

1. หลักสูตรภาษาอังกฤษ General English (CRICOS 0101024)

General English ครอบคลุมระดับ Elementary – Advanced เน้นการสื่อสารในชีวิตประจำวัน การออกเสียง การฟังสำเนียงเจ้าของภาษา และการเขียนเชิงวิชาการเบื้องต้น หลักสูตรออกแบบเป็นหน่วยสัปดาห์ แต่ละสัปดาห์เรียนหัวข้อแตกต่างกัน เช่น การใช้ภาษาในที่ทำงาน การท่องเที่ยว การนำเสนอหน้าชั้นเรียน หรือการเขียนอีเมลอย่างมืออาชีพ

  • ระยะเวลา: 4–70 สัปดาห์ (20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
  • Intake: ทุกวันจันทร์ สามารถเริ่มเรียนได้แทบทุกสัปดาห์
  • มีการประเมินกลางสัปดาห์และท้ายสัปดาห์ ครอบคลุม 4 ทักษะหลัก
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมภาษาเพื่อเข้าเรียน VET หรือมหาวิทยาลัยต่อ

เมื่อจบ General English แล้ว นักเรียนสามารถวัดระดับภาษาอีกครั้ง เพื่อตัดสินใจว่าจะไปต่อในสายใดต่อ เช่น สายบัญชี สายบริหาร หรือสาย IT ทำให้การ เรียนต่อออสเตรเลีย เริ่มต้นได้แม้จะยังไม่มีผลสอบภาษาอังกฤษมาก่อน

2. สายบัญชีและการเงิน

Certificate IV in Accounting and Bookkeeping (FNS40217, CRICOS 0100535)

หลักสูตรนี้เป็นจุดเริ่มต้นของสายงานบัญชีในออสเตรเลีย เหมาะสำหรับผู้ที่อยากทำงานเป็นผู้ช่วยบัญชี เจ้าหน้าที่ออกใบกำกับภาษี หรือเจ้าของธุรกิจที่อยากเข้าใจระบบบัญชีของตัวเอง หลักสูตรครอบคลุม การใช้โปรแกรมบัญชีคอมพิวเตอร์ การจัดทำ BAS และงบการเงินรูปแบบต่าง ๆ

  • ระยะเวลาเรียน: 52 สัปดาห์ (รวมวันหยุด)
  • Delivery Mode: เรียนตัวต่อตัวในห้องเรียน พร้อม Workshop ปฏิบัติจริง
  • ค่าเล่าเรียนโดยประมาณ: AU $8,500 + ค่าวัสดุและค่า Enrolment

Diploma of Accounting (FNS50217, CRICOS 0100534)

หลังจากปูพื้นฐานแล้ว นักเรียนสามารถต่อยอดสู่ Diploma of Accounting เพื่อเตรียมตัวทำงานในสายบัญชีมืออาชีพ เช่น เจ้าหน้าที่บัญชีภาษี ผู้ดูแลบัญชีเจ้าหนี้และลูกหนี้ หรือผู้ให้บริการบัญชีเงินเดือน หลักสูตรนี้เน้นการคิดวิเคราะห์ข้อมูล การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และการประเมินผลกระทบทางการเงินในสถานการณ์ธุรกิจจริง

  • ระยะเวลาเรียน: 52 สัปดาห์
  • Delivery Mode: ตัวต่อตัวในมหาวิทยาลัย
  • สามารถใช้เป็น Pathway โอนหน่วยกิตต่อไปยัง Southern Cross University

3. สายการเป็นผู้นำและการจัดการ

Diploma of Leadership and Management (BSB51918, CRICOS 0100536)

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการบริหารทีม การสื่อสารในองค์กร การจัดการทรัพยากร และการแก้ปัญหาทางธุรกิจในชีวิตจริง หลักสูตรออกแบบให้ผู้เรียนได้ทำโปรเจกต์จำลองสถานการณ์ ทั้งในรูปแบบทีมเล็กและทีมใหญ่ นำไปสู่การประยุกต์ใช้ในที่ทำงานจริง

Advanced Diploma of Leadership and Management (BSB61015, CRICOS 0101668)

สำหรับคนที่อยากก้าวสู่ผู้จัดการระดับสูงหรืออยากบริหารธุรกิจของตัวเอง หลักสูตรนี้จะเน้นการวางกลยุทธ์ การบริหารการเปลี่ยนแปลง และการเป็นผู้นำในสภาวะที่ซับซ้อน นักเรียนจะได้เรียนรู้การวิเคราะห์ข้อมูล จากหลายแหล่งเพื่อใช้ตัดสินใจในภาพใหญ่ขององค์กร

4. สาย IT, Hospitality และ Community Services

จากโบรชัวร์ปี 2025 ยังเปิดหลักสูตรสาย IT Commercial Cookery, Hospitality Management, Individual Support, Community Services และ Disability Support รวมถึงแพ็กเกจเรียนต่อเนื่อง 2–3 ปีที่เป็นที่นิยมมากในหมู่นักเรียนไทย ที่อยาก เรียนต่อออสเตรเลีย แล้ววางแผนทำงานต่อ

จุดเด่นของสายเหล่านี้คือมีชั่วโมงปฏิบัติและงานกลุ่มจำนวนมาก นักเรียนจะได้ฝึกทั้ง Soft Skills (การทำงานเป็นทีม การบริการลูกค้า) และ Hard Skills (การใช้ระบบ IT การเตรียมอาหาร การดูแลผู้สูงอายุ) ซึ่งเป็นทักษะที่ตลาดงานในออสเตรเลียต้องการอย่างต่อเนื่อง

ค่าใช้จ่ายสำหรับเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College (โดยประมาณ)

ตารางด้านล่างสรุปค่าใช้จ่ายตัวอย่างจากโปรโมชั่นปี 2025 ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามเทอมและโปรโมชั่น กรุณาเช็กกับทีม The Best ก่อนตัดสินใจสมัครทุกครั้ง

หลักสูตรยอดนิยม ระยะเวลาโดยประมาณ ค่าเล่าเรียน* ค่าวัสดุ/อื่น ๆ
General English 10–70 สัปดาห์ จาก $215 ต่อสัปดาห์ $10/สัปดาห์ + Enrolment $300
Certificate IV in Accounting & Bookkeeping 52 สัปดาห์ ประมาณ $6,700 Material $300 + Enrolment $300
Diploma of Accounting 52 สัปดาห์ ประมาณ $6,700 Material $300 + Enrolment $300
Diploma of Leadership and Management 52 สัปดาห์ ประมาณ $6,400 Material $300 + Enrolment $300
Advanced Diploma of Leadership and Management 52 สัปดาห์ ประมาณ $6,400–6,500 Material $300 + Enrolment $300
Hospitality Package 2 ปี 104 สัปดาห์ รวมประมาณ $16,500 Material ราว $1,400
IT Package 3 ปี 156 สัปดาห์ รวมประมาณ $23,300 Material ราว $900
Accounting Package 2 ปี (Cert IV + Diploma) 104 สัปดาห์ รวมประมาณ $13,000 Material ราว $600

*ตัวเลขเพื่อการประมาณการเท่านั้น ราคาจริงขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นและเงื่อนไขของปีนั้น ๆ

นอกจากค่าเล่าเรียนแล้ว นักเรียนที่วางแผนจะ เรียนต่อออสเตรเลีย ควรเตรียมงบสำหรับค่าที่พัก ค่าครองชีพ ประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ (OSHC) และค่าเดินทางด้วย โดยทั่วไปงบรวมต่อปีจะอยู่ประมาณ 700,000–900,000 บาท ขึ้นอยู่กับสไตล์การใช้ชีวิตและรูปแบบที่พัก

ชีวิตนักเรียนไทยเมื่อเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College

เมลเบิร์นได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีทั้งสวนสาธารณะ ร้านกาแฟ คาเฟ่สไตล์ฮิปสเตอร์ แกลเลอรี และกิจกรรมทางวัฒนธรรมตลอดทั้งปี การ เรียนต่อออสเตรเลีย จึงไม่ได้มีแค่การเข้าเรียนในห้อง แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายด้วย

ช่วงวันธรรมดา นักเรียนส่วนใหญ่มักเรียนครึ่งวัน อีกครึ่งวันอาจทำการบ้าน ฝึกภาษา หรือทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือซูเปอร์มาร์เก็ต ส่วนวันเสาร์–อาทิตย์ หลายคนเดินเล่นในตัวเมือง หาของกินเอเชียใน Chinatown หรือออกทริปนอกเมือง เช่น Great Ocean Road, Philip Island หรือ Yarra Valley

สำหรับน้อง ๆ ที่มาเรียนคนเดียวครั้งแรก มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือเรื่องการหาเพื่อน การเข้าร่วมกิจกรรมนักเรียน และการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่ ทำให้การ เรียนต่อออสเตรเลียไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจนเกินไป

ตัวอย่างแผนการเรียนและ Pathway เมื่อเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ด้านล่างเป็นตัวอย่างเส้นทางการเรียนที่นักเรียนไทยนิยมเลือก โดยใช้ เป็นจุดเริ่มต้น ก่อนเดินหน้าต่อสู่มหาวิทยาลัย

Pathway สายบัญชี: จากไม่มีพื้นฐานสู่ปริญญาตรี

  1. เริ่มจาก General English 20–30 สัปดาห์ ปูพื้นฐานภาษาให้ถึง IELTS 5.5 โดยประมาณ
  2. เรียนต่อ Certificate IV in Accounting and Bookkeeping 52 สัปดาห์
  3. เรียน Diploma of Accounting 52 สัปดาห์ เพื่อยกระดับเป็นบัญชีมืออาชีพ
  4. โอนหน่วยกิตเข้าสู่ Southern Cross University สาขา Bachelor of Business หรือ Bachelor of Accounting

Pathway สาย Hospitality: เรียน–ทำงาน–ต่อยอดอาชีพในออสเตรเลีย

  1. เรียน General English 10–20 สัปดาห์ เพื่อให้สื่อสารในร้านอาหารหรือโรงแรมได้คล่อง
  2. ต่อ Certificate III in Commercial Cookery หรือ Diploma of Hospitality Management
  3. ระหว่างเรียนฝึกงานในครัว ร้านอาหาร หรือโรงแรมจริงในเมลเบิร์น
  4. เมื่อจบสามารถสมัครงานสาย Hospitality ในออสเตรเลียต่อ หรือใช้เป็นประสบการณ์กลับมาทำงานในไทย

เส้นทางตัวอย่างเหล่านี้ทำให้เห็นภาพว่า การ เรียนต่อออสเตรเลีย ไม่ใช่เพียงการเรียนจบคอร์สหนึ่งแล้วจบ แต่สามารถต่อยอดไปได้อีกหลายทาง ทั้งการเรียนต่อมหาวิทยาลัยและการสร้างประสบการณ์ทำงานจริง

คุณสมบัติผู้สมัครเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College

หลักสูตรภาษาอังกฤษ (General English)

  • อายุขั้นต่ำ 18 ปีบริบูรณ์
  • จบ ม.6 หรือเทียบเท่า หากต่ำกว่านี้ให้ทีม The Best ตรวจเช็กเป็นเคส ๆ
  • ไม่บังคับผลสอบภาษาอังกฤษ แต่ถ้ามีผล IELTS / TOEIC / PTE สามารถใช้วัดระดับชั้นได้

หลักสูตรวิชาชีพ (VET Courses)

  • อายุขั้นต่ำ 18 ปี
  • จบการศึกษาระดับ ม.6 / ปวช. / ปวส. หรือเทียบเท่า
  • มีทักษะภาษาอังกฤษประมาณ IELTS 5.5–6.0 แล้วแต่หลักสูตร
  • มีทักษะคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ใช้งานโปรแกรมทั่วไปได้

Pathway เข้าสู่ Southern Cross University

  • สำเร็จ Diploma ที่กำหนดจาก Blue Lotus College
  • มีผลภาษาอังกฤษเทียบเท่า IELTS 6.0 โดยแต่ละพาร์ทไม่ต่ำกว่า 5.5

ราคา โปรโมชั่น และทุนการศึกษา

ในแต่ละปี มักมีโปรโมชั่นส่วนลดค่าเล่าเรียน หรือแพ็กเกจระยะยาวสำหรับนักเรียนต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่เลือกเรียนหลายคอร์สต่อเนื่องภายใต้วีซ่าเดียว การสมัครผ่าน The Best Education ช่วยให้นักเรียนได้อัปเดตโปรล่าสุดอยู่เสมอ

  • ส่วนลดค่าเล่าเรียนสำหรับผู้สมัครแพ็กเกจ 2–3 ปี
  • แผนผ่อนชำระค่าเรียนเป็นงวด ช่วยกระจายภาระของครอบครัว
  • บางช่วงมีโปรโมชั่นฟรีค่าสมัคร หรือส่วนลดค่าวัสดุ

หากครอบครัวต้องการวางแผนงบประมาณแบบละเอียดสำหรับการ เรียนต่อออสเตรเลีย ทีมที่ปรึกษาของ The Best Education สามารถช่วยคำนวณทั้งค่าเรียน ค่าที่พัก ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายยื่นวีซ่าให้ครบในภาพเดียว

สิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักสำหรับนักเรียน 

แม้ Blue Lotus College จะไม่มีหอพักในสถาบันโดยตรง แต่รอบ ๆ Melbourne CBD มีตัวเลือกที่พักหลากหลาย ทั้งแชร์เฮ้าส์ อพาร์ตเมนต์ และโฮมสเตย์ ครอบครัวสามารถเลือกแบบที่เหมาะกับงบประมาณและสไตล์ชีวิตของน้อง ๆ ได้

  • Shared Apartment ในเมือง – ค่าเช่าปานกลาง เดินทางไปเรียนด้วยรถรางหรือเดินได้
  • Homestay กับครอบครัวออสเตรเลีย – เหมาะสำหรับน้องที่มาใหม่ อยากฝึกภาษาและวัฒนธรรม
  • ห้องเช่าชานเมือง – ค่าเช่าถูกลง แต่ต้องใช้รถไฟหรือรถรางเข้าเมือง

The Best Education ช่วยแนะนำเอเจนซี่ที่พักที่ไว้ใจได้ ให้คำแนะนำเรื่องย่านที่ปลอดภัยและการเดินทางไป–กลับได้สะดวก

ขั้นตอนสมัครเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College ผ่าน The Best Education

  1. ปรึกษาเป้าหมายฟรี – วิเคราะห์เป้าหมายอาชีพ งบประมาณ และระดับภาษา เลือกหลักสูตรที่เหมาะสม
  2. เลือกคอร์สและวางแผน Pathway – วางแผนว่าจะเรียนภาษาอย่างเดียว เรียนสายอาชีพ หรือเรียนต่อมหาวิทยาลัย
  3. เตรียมเอกสารสมัครเรียน – ทีมงานช่วยเช็กพาสปอร์ต ใบจบ/ทรานสคริปต์ ผลสอบภาษา และเอกสารอื่น ๆ
  4. ยื่นใบสมัครไป Blue Lotus College – The Best ดูแลขั้นตอนการสมัครและติดต่อสถาบันให้ทั้งหมด
  5. รับ Offer และชำระค่าเรียนงวดแรก – เมื่อนักเรียนตัดสินใจยืนยันที่นั่งแล้วจึงชำระค่าเรียน
  6. ยื่นวีซ่านักเรียนออสเตรเลีย – ทีมวีซ่าของ The Best ช่วยเตรียม Statement การเงิน เอกสารผู้ค้ำประกัน และยื่นอนไลน์
  7. เตรียมตัวเดินทาง – วางแผนที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน ซื้อประกันสุขภาพ และนัดวันเริ่มเรียน

ทำไมต้องสมัครเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College กับ The Best Education

เพื่อให้การ เรียนต่อออสเตรเลีย ราบรื่นและคุ้มค่าที่สุด การมีทีมที่ปรึกษามืออาชีพช่วยดูแลตั้งแต่ต้นจึงสำคัญมาก

  • ที่ปรึกษาเชี่ยวชาญสายอาชีพออสเตรเลีย – เข้าใจทั้งเรื่องหลักสูตร VET และกฎวีซ่าล่าสุด
  • ช่วยต่อรองค่าเรียนและเช็กโปรโมชั่น – คอยอัปเดตส่วนลดและดีลพิเศษให้ตลอด
  • One-Stop Service – สมัครเรียน วีซ่า ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ประกันสุขภาพ ครบจบในที่เดียว
  • ดูแลหลังเดินทาง – ให้คำแนะนำเรื่องการเปิดบัญชีธนาคาร การทำ TFN การหางานพาร์ทไทม์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College

ต้องมีภาษาอังกฤษระดับไหนถึงจะสมัครได้?

หากยังไม่มีพื้นฐาน สามารถเริ่มจาก General English ก่อน แล้วค่อยต่อหลักสูตรวิชาชีพได้ เมื่อถึงระดับประมาณ IELTS 5.5–6.0 ทีมที่ปรึกษาจะช่วยประเมินว่าน้องพร้อมสำหรับคอร์สใดบ้าง

หลังเรียนจบสามารถทำงานต่อในออสเตรเลียได้หรือไม่?

วุฒิจาก Blue Lotus College สามารถใช้สมัครงานในออสเตรเลียได้ ภายใต้เงื่อนไขวีซ่าที่เหมาะสม และหากต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียต่อ ก็มีโอกาสยื่นวีซ่าทำงานหลังเรียนจบ (Post-Study Work Visa) ได้ด้วย

ครอบครัวควรเตรียมงบประมาณเท่าไหร่ต่อปี?

ถ้าคิดรวมค่าเรียน ค่าที่พัก และค่าครองชีพ งบสำหรับการ เรียนต่อออสเตรเลีย จะอยู่ราว 700,000–900,000 บาทต่อปี ขึ้นกับชนิดของคอร์สและรูปแบบที่พัก

สนใจเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College ปรึกษา The Best Education ฟรี

หากน้อง ๆ และผู้ปกครองกำลังมองหาเส้นทาง เรียนต่อออสเตรเลียเพื่อปั้นสายบัญชี บริหาร IT หรือ Hospitality ในงบที่จับต้องได้ เมลเบิร์นคือเมืองที่เต็มไปด้วยโอกาส และ คือก้าวแรกที่น่าเริ่มต้น

  • วางแผนการเรียนและงบประมาณแบบตัวต่อตัว ฟรี
  • เช็กโปรโมชั่นค่าเรียนและแพ็กเกจล่าสุดจากสถาบัน
  • มีทีมดูแลวีซ่าและเอกสารครบทั้งกระบวนการ

ทัก LINE หรือ Inbox Facebook ของ The Best Education ตอนนี้ เพื่อจองคิวปรึกษา และอย่าพลาด Intake ใกล้สุดก่อนที่ที่นั่งเรียนจะเต็ม!

เปรียบเทียบ Blue Lotus College กับสถาบันสายอาชีพอื่นในเมลเบิร์น

เมลเบิร์นมีสถาบันสายอาชีพ (VET) หลายแห่ง ทั้งของรัฐบาลและเอกชน ผู้ปกครองและนักเรียนจึงมักถามเสมอว่า ถ้าเลือก เรียนต่อออสเตรเลีย แล้วแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร ด้านล่างเป็นภาพรวมง่าย ๆ เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจ

1. ทำเลที่ตั้ง

ตั้งอยู่ใจกลาง Melbourne CBD อยู่ในเส้นทางรถรางฟรี เดินจากสถานีรถไฟหลักได้ไม่ไกล ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทาง เมื่อเทียบกับบางสถาบันที่อยู่นอกเมืองซึ่งต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มทุกวัน สำหรับนักเรียนที่ทำงานพาร์ทไทม์ในเมือง ทำเลของ BLC ถือว่าตอบโจทย์มาก

2. ขนาดชั้นเรียนและการดูแล

จุดเด่นของการ เรียนต่อออสเตรเลีย คือขนาดชั้นเรียนที่ไม่ใหญ่เกินไป ทำให้ครูสามารถดูแลนักเรียนแต่ละคนได้ทั่วถึง ต่างจากบางสถาบัน ที่มีจำนวนนักเรียนในห้องค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในคอร์สยอดนิยมอย่างบัญชีหรือ IT ซึ่งอาจทำให้น้องที่ยังไม่มั่นใจภาษาอังกฤษไม่กล้ายกมือถาม

3. Pathway และความยืดหยุ่นของหลักสูตร

BLC มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Southern Cross University อย่างชัดเจน นักเรียนที่จบ Diploma บางสาขาสามารถโอนหน่วยกิตไปเข้าปี 2 ของปริญญาตรีได้เลย ขณะที่สถาบันบางแห่งอาจไม่มี Pathway หรือมีตัวเลือกจำกัดกว่า นอกจากนี้ BLC ยังมีแพ็กเกจ 2–3 ปีให้เลือกหลายรูปแบบ เหมาะกับคนที่อยากวางแผนวีซ่าระยะยาวตั้งแต่แรก

Checklist เตรียมตัวก่อนเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College

หลายครอบครัวกังวลว่า “ยังไม่พร้อม” เพราะไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มจากตรงไหน The Best Education เลยสรุป Checklist ง่าย ๆ ให้ลองเช็กตัวเองดูก่อน

  • ✔ มีเป้าหมายคร่าว ๆ แล้วว่าอยากเรียนสายไหน เช่น บัญชี บริหาร IT หรือ Hospitality
  • ✔ ทราบงบประมาณที่ครอบครัวสามารถสนับสนุนต่อปี
  • ✔ เตรียมสำเนาใบจบ / ใบแสดงผลการเรียน (ภาษาไทย + ภาษาอังกฤษ)
  • ✔ มีพาสปอร์ตที่อายุเหลืออย่างน้อย 2–3 ปี
  • ✔ หากมีผลสอบภาษาอังกฤษ เก็บผลให้พร้อมใช้ประกอบการประเมิน

ถ้ายังไม่ครบทุกข้อก็ไม่เป็นไร หน้าที่ของ The Best คือช่วยให้น้อง ๆ วางแผนการ เรียนต่อออสเตรเลีย อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกคอร์สไปจนถึงการเตรียมเอกสารครบชุด

Tips หางานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนที่ Blue Lotus College

หนึ่งในเหตุผลหลักที่หลายคนเลือกเรียนต่อออสเตรเลีย คือโอกาสในการทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน เพื่อลดภาระครอบครัวและเก็บประสบการณ์ทำงานต่างประเทศไปในตัว เมื่อน้องมา เรียนต่อออสเตรเลีย ในเมลเบิร์น ก็มีโอกาสหางานได้หลากหลายประเภท ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าปลีก

เตรียม Resume ภาษาอังกฤษให้พร้อม 

  • สมัครงานทั้งออนไลน์และเดินเข้าไปยื่น – ในเมลเบิร์นยังมีหลายร้านที่รับใบสมัครด้วยตัวเอง
  • กล้าพูด กล้าถาม – ต่อให้ภาษายังไม่ดีมาก แต่ทัศนคติและความตั้งใจคือสิ่งที่นายจ้างมองหา
  • จัดตารางเรียนและทำงานให้บาลานซ์ – อย่าลืมว่าวีซ่านักเรียนเน้นให้ “เรียน” เป็นหลัก การทำงานต้องไม่กระทบผลการเรียน

เมื่อน้องมีประสบการณ์ทำงานพาร์ทไทม์ในเมลเบิร์นแล้ว การสมัครงานเต็มเวลาหลังเรียนจบ หรือกลับมาสมัครงานในไทยก็จะได้เปรียบมาก เพราะนายจ้างเห็นทันทีว่าเคยผ่านสภาพแวดล้อมการทำงานต่างประเทศมาแล้วจริง ๆ

อย่าปล่อยให้โอกาสเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College ผ่านไปอีกปี

หลายคนเลื่อนแผนเรียนต่อต่างประเทศออกไปเรื่อย ๆ เพราะคิดว่ายังไม่พร้อมเรื่องภาษา เรื่องงบประมาณ หรือกลัวว่ากระบวนการจะยุ่งยากเกินไป แต่ยิ่งเลื่อนออกไป น้องก็ยิ่งเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นหนึ่งปีเสมอ

ถ้าวันนี้คุณเริ่มด้วยการขอคำปรึกษาฟรีจากทีม The Best Education คุณจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมดของเส้นทาง เรียนต่อออสเตรเลียทั้งค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และโอกาสในอนาคตอย่างชัดเจน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเดินต่อหรือไม่ โดยที่ยังไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

กดเพิ่มเพื่อน LINE หรือส่งข้อความหาเพจ The Best Education ได้เลยตอนนี้ ทีมงานยินดีช่วยวางแผนแบบเป็นกันเอง เหมือนรุ่นพี่ที่เคยมีประสบการณ์จริง พร้อมอยู่ข้าง ๆ น้องในทุกขั้นตอนของการไปเรียนต่อที่เมลเบิร์น

การเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College — ส่วนขยายเนื้อหาเชิงลึก

BLC เป็นหนึ่งในสถาบันสายอาชีพที่มีความโดดเด่นอย่างมากในเมลเบิร์น และนักเรียนไทยจำนวนมากเลือกที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการศึกษาในออสเตรเลีย เพราะนอกจากค่าเรียนที่จับต้องได้แล้ว รูปแบบการเรียน การสอน และเส้นทางอาชีพหลังเรียนจบยังมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับทั้งผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ในสายงาน รวมถึงผู้ที่ต้องการ Upskill หรือ Reskill ให้ทันกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายครอบครัวมั่นใจใน Blue Lotus College คือ “ความเป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้น” ไม่ว่าผู้เรียนจะมีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษมากน้อยเพียงใด ก็สามารถเริ่มต้นจากคอร์สภาษาอังกฤษและค่อย ๆ ปรับตัวเข้าสู่หลักสูตรสายอาชีพได้ สถาบันมีการวัดระดับอย่างละเอียดและมีระบบติดตามผลการเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักเรียนพัฒนาตนเองได้อย่างมั่นใจ

จุดแข็งเพิ่มเติมของหลักสูตรที่เปิดสอน

ไม่ใช่แค่คอร์สเรียนหลักเท่านั้นที่ได้รับความนิยม แต่การเรียนต่อออสเตรเลียที่ Blue Lotus College ยังมี “องค์ประกอบเสริม” ที่ช่วยสร้างความแตกต่าง เช่น การเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จำลอง การฝึกคิดวิเคราะห์ การสร้างผลงานจริงในแต่ละโปรเจกต์ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่ใช้งานได้ทันทีหลังเรียนจบ นอกจากนี้ อาจารย์ผู้สอนยังมีประสบการณ์จริงในสายอาชีพ ทำให้คำแนะนำที่ได้รับเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงาน

ในแต่ละสาขาวิชาจะมีลักษณะเฉพาะที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะได้อย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น:

  • สาขาบัญชี – เน้นการใช้ซอฟต์แวร์บัญชี การทำงบการเงิน การจัดทำภาษี และการรายงานผลประกอบการ
  • สาขาบริหาร – เน้นภาวะผู้นำ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การบริหารทรัพยากรบุคคล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
  • สาขา IT – เน้นการเรียนรู้ระบบเครือข่าย การจัดการข้อมูล การเขียนโปรแกรมพื้นฐาน และทักษะไซเบอร์ซีเคียวริตี้
  • สาขา Hospitality – เน้นการทำอาหาร การบริการลูกค้า การบริหารร้านอาหาร และการจัดการโรงแรม

เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มารวมเข้ากับโครงสร้างหลักสูตรที่ยืดหยุ่น นักเรียนสามารถออกแบบเส้นทางอาชีพของตนเองได้ ไม่ว่าจะเลือกเรียนหลักสูตรต่อเนื่องเป็นแพ็กเกจหลายปี หรือเลือกเรียนทีละระดับเพื่อปรับตัวตามความพร้อมของตนเอง

ประสบการณ์ชีวิตจริงในเมลเบิร์นที่นักเรียนจะได้รับ

การใช้ชีวิตในออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเรียนต่อออสเตรเลีย เป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า เมลเบิร์นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างเพื่อนใหม่จากทั่วโลกและได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายแบบในเวลาเดียวกัน บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหาร และแหล่งงานพาร์ทไทม์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลองทำงานจริง

การทำงานพาร์ทไทม์ไม่เพียงช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น เรียนรู้ระบบงานแบบออสเตรเลีย และสร้างประสบการณ์ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นในเรซูเม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อการสมัครงานในออสเตรเลียและกลับมาทำงานที่ไทย

คำแนะนำสำหรับนักเรียนที่วางแผนมาเรียนในอนาคต

สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนเรียนต่อออสเตรเลียที่ ควรเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ทั้งด้านภาษา เอกสาร และแผนการเงิน การมีทีมที่ปรึกษาอย่าง The Best Education จะช่วยให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่เลือกหลักสูตร ยื่นใบสมัคร เตรียมวีซ่า และเตรียมตัวเดินทางเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

ในด้านภาษา ควรเริ่มจากการฝึกพื้นฐาน เช่น การฟังและการพูดในชีวิตประจำวัน รวมถึงฝึกการเขียนอีเมลง่าย ๆ ในเชิงธุรกิจ เพื่อให้ปรับตัวกับรูปแบบการสื่อสารในออสเตรเลียได้เร็วขึ้น ส่วนด้านเอกสาร เช่น ใบแสดงผลการเรียน ใบจบ และพาสปอร์ต ควรเตรียมให้พร้อมก่อนยื่นสมัคร เพราะจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น

บทสรุปสำหรับผู้ปกครองและนักเรียน

การเลือกเรียนต่อออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนคอร์สหนึ่ง ๆ แต่คือการสร้างเส้นทางอาชีพระยะยาวที่มีความชัดเจนและยืดหยุ่น เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่อยากเติบโตในสายบัญชี บริหาร IT หรือ Hospitality รวมถึงผู้ใหญ่ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มโอกาสในงานใหม่

ด้วยสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เมืองที่เป็นมิตร ครูผู้สอนที่เชี่ยวชาญ และโอกาสทำงานพาร์ทไทม์จำนวนมาก จึงเป็นหนึ่งในสถาบันที่ตอบโจทย์มากที่สุดในกลุ่มสถาบันสายอาชีพในออสเตรเลีย และเป็นก้าวแรกสำคัญของหลาย ๆ คนที่อยากต่อยอดทั้งชีวิตการเรียนและเส้นทางอาชีพในต่างประเทศ

The Best Education พร้อมดูแลทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองมั่นใจว่า การเดินทางสู่เมลเบิร์นจะเป็นก้าวแรกของโอกาสใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดในชีวิต

การเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College 

(BLC) เป็นหนึ่งในสถาบันสายอาชีพที่มีความโดดเด่นอย่างมากในเมลเบิร์น และนักเรียนไทยจำนวนมากเลือกที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการศึกษาในออสเตรเลีย เพราะนอกจากค่าเรียนที่จับต้องได้แล้ว รูปแบบการเรียน การสอน และเส้นทางอาชีพหลังเรียนจบยังมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับทั้งผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ในสายงาน รวมถึงผู้ที่ต้องการ Upskill หรือ Reskill ให้ทันกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายครอบครัวมั่นใจใน Blue Lotus College คือ “ความเป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้น” ไม่ว่าผู้เรียนจะมีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษมากน้อยเพียงใด ก็สามารถเริ่มต้นจากคอร์สภาษาอังกฤษและค่อย ๆ ปรับตัวเข้าสู่หลักสูตรสายอาชีพได้ สถาบันมีการวัดระดับอย่างละเอียดและมีระบบติดตามผลการเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักเรียนพัฒนาตนเองได้อย่างมั่นใจ

จุดแข็งเพิ่มเติมของหลักสูตรที่เปิดสอน

ไม่ใช่แค่คอร์สเรียนหลักเท่านั้นที่ได้รับความนิยม แต่การเรียนต่อออสเตรเลียที่ Blue Lotus College ยังมี “องค์ประกอบเสริม” ที่ช่วยสร้างความแตกต่าง เช่น การเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จำลอง การฝึกคิดวิเคราะห์ การสร้างผลงานจริงในแต่ละโปรเจกต์ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่ใช้งานได้ทันทีหลังเรียนจบ นอกจากนี้ อาจารย์ผู้สอนยังมีประสบการณ์จริงในสายอาชีพ ทำให้คำแนะนำที่ได้รับเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงาน

ในแต่ละสาขาวิชาจะมีลักษณะเฉพาะที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะได้อย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น:

  • สาขาบัญชี – เน้นการใช้ซอฟต์แวร์บัญชี การทำงบการเงิน การจัดทำภาษี และการรายงานผลประกอบการ
  • สาขาบริหาร – เน้นภาวะผู้นำ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การบริหารทรัพยากรบุคคล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
  • สาขา IT – เน้นการเรียนรู้ระบบเครือข่าย การจัดการข้อมูล การเขียนโปรแกรมพื้นฐาน และทักษะไซเบอร์ซีเคียวริตี้
  • สาขา Hospitality – เน้นการทำอาหาร การบริการลูกค้า การบริหารร้านอาหาร และการจัดการโรงแรม

เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มารวมเข้ากับโครงสร้างหลักสูตรที่ยืดหยุ่น นักเรียนสามารถออกแบบเส้นทางอาชีพของตนเองได้ ไม่ว่าจะเลือกเรียนหลักสูตรต่อเนื่องเป็นแพ็กเกจหลายปี หรือเลือกเรียนทีละระดับเพื่อปรับตัวตามความพร้อมของตนเอง

ประสบการณ์ชีวิตจริงในเมลเบิร์นที่นักเรียนจะได้รับ

การใช้ชีวิตในออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเรียนต่อออสเตรเลีย เป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า เมลเบิร์นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างเพื่อนใหม่จากทั่วโลกและได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายแบบในเวลาเดียวกัน บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหาร และแหล่งงานพาร์ทไทม์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลองทำงานจริง

การทำงานพาร์ทไทม์ไม่เพียงช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น เรียนรู้ระบบงานแบบออสเตรเลีย และสร้างประสบการณ์ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นในเรซูเม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อการสมัครงานในออสเตรเลียและกลับมาทำงานที่ไทย

คำแนะนำสำหรับนักเรียนที่วางแผนมาเรียนในอนาคต

สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนเรียนต่อออสเตรเลียที่ Blue Lotus College ควรเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ทั้งด้านภาษา เอกสาร และแผนการเงิน การมีทีมที่ปรึกษาอย่าง The Best Education จะช่วยให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่เลือกหลักสูตร ยื่นใบสมัคร เตรียมวีซ่า และเตรียมตัวเดินทางเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

ในด้านภาษา ควรเริ่มจากการฝึกพื้นฐาน เช่น การฟังและการพูดในชีวิตประจำวัน รวมถึงฝึกการเขียนอีเมลง่าย ๆ ในเชิงธุรกิจ เพื่อให้ปรับตัวกับรูปแบบการสื่อสารในออสเตรเลียได้เร็วขึ้น ส่วนด้านเอกสาร เช่น ใบแสดงผลการเรียน ใบจบ และพาสปอร์ต ควรเตรียมให้พร้อมก่อนยื่นสมัคร เพราะจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น

บทสรุปสำหรับผู้ปกครองและนักเรียน

การเลือกเรียนต่อออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนคอร์สหนึ่ง ๆ แต่คือการสร้างเส้นทางอาชีพระยะยาวที่มีความชัดเจนและยืดหยุ่น เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่อยากเติบโตในสายบัญชี บริหาร IT หรือ Hospitality รวมถึงผู้ใหญ่ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มโอกาสในงานใหม่

ด้วยสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เมืองที่เป็นมิตร ครูผู้สอนที่เชี่ยวชาญ และโอกาสทำงานพาร์ทไทม์จำนวนมาก Blue Lotus College จึงเป็นหนึ่งในสถาบันที่ตอบโจทย์มากที่สุดในกลุ่มสถาบันสายอาชีพในออสเตรเลีย และเป็นก้าวแรกสำคัญของหลาย ๆ คนที่อยากต่อยอดทั้งชีวิตการเรียนและเส้นทางอาชีพในต่างประเทศ

The Best Education พร้อมดูแลทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองมั่นใจว่า การเดินทางสู่เมลเบิร์นจะเป็นก้าวแรกของโอกาสใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดในชีวิต

การเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College 

Blue Lotus College (BLC) เป็นหนึ่งในสถาบันสายอาชีพที่มีความโดดเด่นอย่างมากในเมลเบิร์น และนักเรียนไทยจำนวนมากเลือกที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการศึกษาในออสเตรเลีย เพราะนอกจากค่าเรียนที่จับต้องได้แล้ว รูปแบบการเรียน การสอน และเส้นทางอาชีพหลังเรียนจบยังมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับทั้งผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใหม่ในสายงาน รวมถึงผู้ที่ต้องการ Upskill หรือ Reskill ให้ทันกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายครอบครัวมั่นใจใน Blue Lotus College คือ “ความเป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้น” ไม่ว่าผู้เรียนจะมีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษมากน้อยเพียงใด ก็สามารถเริ่มต้นจากคอร์สภาษาอังกฤษและค่อย ๆ ปรับตัวเข้าสู่หลักสูตรสายอาชีพได้ สถาบันมีการวัดระดับอย่างละเอียดและมีระบบติดตามผลการเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักเรียนพัฒนาตนเองได้อย่างมั่นใจ

จุดแข็งเพิ่มเติมของหลักสูตรที่เปิดสอน

ไม่ใช่แค่คอร์สเรียนหลักเท่านั้นที่ได้รับความนิยม แต่การเรียนต่อออสเตรเลียที่ Blue Lotus College ยังมี “องค์ประกอบเสริม” ที่ช่วยสร้างความแตกต่าง เช่น การเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จำลอง การฝึกคิดวิเคราะห์ การสร้างผลงานจริงในแต่ละโปรเจกต์ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่ใช้งานได้ทันทีหลังเรียนจบ นอกจากนี้ อาจารย์ผู้สอนยังมีประสบการณ์จริงในสายอาชีพ ทำให้คำแนะนำที่ได้รับเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการทำงาน

ในแต่ละสาขาวิชาจะมีลักษณะเฉพาะที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะได้อย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น:

  • สาขาบัญชี – เน้นการใช้ซอฟต์แวร์บัญชี การทำงบการเงิน การจัดทำภาษี และการรายงานผลประกอบการ
  • สาขาบริหาร – เน้นภาวะผู้นำ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การบริหารทรัพยากรบุคคล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
  • สาขา IT – เน้นการเรียนรู้ระบบเครือข่าย การจัดการข้อมูล การเขียนโปรแกรมพื้นฐาน และทักษะไซเบอร์ซีเคียวริตี้
  • สาขา Hospitality – เน้นการทำอาหาร การบริการลูกค้า การบริหารร้านอาหาร และการจัดการโรงแรม

เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มารวมเข้ากับโครงสร้างหลักสูตรที่ยืดหยุ่น นักเรียนสามารถออกแบบเส้นทางอาชีพของตนเองได้ ไม่ว่าจะเลือกเรียนหลักสูตรต่อเนื่องเป็นแพ็กเกจหลายปี หรือเลือกเรียนทีละระดับเพื่อปรับตัวตามความพร้อมของตนเอง

ประสบการณ์ชีวิตจริงในเมลเบิร์นที่นักเรียนจะได้รับ

การใช้ชีวิตในออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเรียนต่อออสเตรเลีย Blue Lotus College เป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่า เมลเบิร์นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้ผู้เรียนสามารถสร้างเพื่อนใหม่จากทั่วโลกและได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายแบบในเวลาเดียวกัน บรรยากาศในเมืองเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านอาหาร และแหล่งงานพาร์ทไทม์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลองทำงานจริง

การทำงานพาร์ทไทม์ไม่เพียงช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น เรียนรู้ระบบงานแบบออสเตรเลีย และสร้างประสบการณ์ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นในเรซูเม่ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อการสมัครงานในออสเตรเลียและกลับมาทำงานที่ไทย

คำแนะนำสำหรับนักเรียนที่วางแผนมาเรียนในอนาคต

สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังวางแผนเรียนต่อออสเตรเลียที่ Blue Lotus College ควรเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ทั้งด้านภาษา เอกสาร และแผนการเงิน การมีทีมที่ปรึกษาอย่าง The Best Education จะช่วยให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่เลือกหลักสูตร ยื่นใบสมัคร เตรียมวีซ่า และเตรียมตัวเดินทางเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

ในด้านภาษา ควรเริ่มจากการฝึกพื้นฐาน เช่น การฟังและการพูดในชีวิตประจำวัน รวมถึงฝึกการเขียนอีเมลง่าย ๆ ในเชิงธุรกิจ เพื่อให้ปรับตัวกับรูปแบบการสื่อสารในออสเตรเลียได้เร็วขึ้น ส่วนด้านเอกสาร เช่น ใบแสดงผลการเรียน ใบจบ และพาสปอร์ต ควรเตรียมให้พร้อมก่อนยื่นสมัคร เพราะจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น

บทสรุปสำหรับผู้ปกครองและนักเรียน

การเลือกเรียนต่อออสเตรเลียที่ Blue Lotus College ไม่ได้เป็นเพียงการเรียนคอร์สหนึ่ง ๆ แต่คือการสร้างเส้นทางอาชีพระยะยาวที่มีความชัดเจนและยืดหยุ่น เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่อยากเติบโตในสายบัญชี บริหาร IT หรือ Hospitality รวมถึงผู้ใหญ่ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มโอกาสในงานใหม่

ด้วยสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เมืองที่เป็นมิตร ครูผู้สอนที่เชี่ยวชาญ และโอกาสทำงานพาร์ทไทม์จำนวนมาก Blue Lotus College จึงเป็นหนึ่งในสถาบันที่ตอบโจทย์มากที่สุดในกลุ่มสถาบันสายอาชีพในออสเตรเลีย และเป็นก้าวแรกสำคัญของหลาย ๆ คนที่อยากต่อยอดทั้งชีวิตการเรียนและเส้นทางอาชีพในต่างประเทศ

The Best Education พร้อมดูแลทุกขั้นตอนอย่างมืออาชีพ เพื่อให้นักเรียนและผู้ปกครองมั่นใจว่า การเดินทางสู่เมลเบิร์นจะเป็นก้าวแรกของโอกาสใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดในชีวิต

ทำไม Blue Lotus College คือสถาบันที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับนักเรียนไทย

การตัดสินใจมาเรียนต่อที่ Blue Lotus College ไม่ได้เป็นเพียงการเลือกสถาบัน แต่คือการเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาส เมลเบิร์นถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความพร้อมด้านการศึกษา ธุรกิจ และการใช้ชีวิตอย่างสมดุลที่สุดในออสเตรเลีย นักเรียนที่มาเรียนที่นี่ไม่เพียงได้รับความรู้เชิงลึกจากหลักสูตรสายอาชีพ แต่ยังได้ฝึกทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการจริง ซึ่งเป็นประโยชน์สำคัญในการหางานหลังเรียนจบ การที่สถาบันตั้งอยู่ในย่าน CBD ทำให้เรียนสะดวก เดินทางง่าย และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน ช่วยประหยัดเวลาและค่าเดินทางได้อย่างมาก เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยโอกาสพาร์ทไทม์ซึ่งเหมาะกับนักเรียนไทยที่ต้องการแบ่งเบาภาระครอบครัวหรือสร้างประสบการณ์จริงระหว่างเรียน

หลักสูตรที่ออกแบบเพื่อเพิ่มโอกาสทำงานจริง

Blue Lotus College ออกแบบหลักสูตรโดยคำนึงถึงตลาดแรงงานเป็นหลัก โดยเฉพาะสาขา Accounting, Business, Leadership และ Management ซึ่งเป็นทักษะที่องค์กรในออสเตรเลียต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง หลักสูตรทุกตัวมีการฝึกปฏิบัติจริง ทำให้ผู้เรียนมีความมั่นใจเมื่อเข้าสู่การทำงาน นักเรียนจะได้ใช้ซอฟต์แวร์จริง เช่น MYOB, XERO รวมถึงระบบบัญชีที่องค์กรใช้ในชีวิตจริง ทำให้สามารถสมัครงานได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกเพิ่มเติม การที่สถาบันมีเครือข่ายกับบริษัทท้องถิ่นทำให้นักเรียนมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมพบปะองค์กร เพื่อเปิดประตูไปสู่การฝึกงานและงานประจำในอนาคต

จุดแข็งด้านทำเล: ใจกลางเมลเบิร์น ใกล้ทุกอย่าง

ทำเลเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ BLC เป็นตัวเลือกที่โดดเด่น นักเรียนสามารถเดินทางได้สะดวกผ่านรถรางในเขต Free Tram Zone ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะนักเรียนที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่มักตั้งอยู่ในย่าน CBD การเดินทางที่สะดวกทำให้สามารถจัดตารางเรียนและงานได้ลงตัว เมลเบิร์นยังมีร้านอาหารไทย ตลาดเอเชีย และซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายวัตถุดิบไทย ช่วยลดอาการคิดถึงบ้านและช่วยให้ใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับในไทยมากที่สุด เมืองนี้ยังปลอดภัยและเหมาะกับนักเรียนที่มาเรียนต่างประเทศครั้งแรก

โอกาสทำงานพาร์ทไทม์ที่หาได้ง่ายในเมลเบิร์น

เมลเบิร์นเป็นเมืองที่มีความต้องการแรงงานสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มงานบริการ เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้า และงานออฟฟิศ นักเรียนต่างชาติสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอม และไม่จำกัดชั่วโมงในช่วงปิดเทอม รายได้เฉลี่ยของงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ AUD $22–$32 ต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ ทำให้นักเรียนจำนวนมากสามารถใช้รายได้เพื่อเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือแบ่งเบาภาระครอบครัวได้จริง นอกจากนี้ นักเรียนสาย Accounting หรือ Leadership ยังสามารถสมัครงานเฉพาะทาง เช่น Assistant Accountant ที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่า และเพิ่มคะแนน Portfolio ได้อีกด้วย

การใช้ชีวิตในเมลเบิร์น: เมืองที่เหมาะกับนักเรียนไทยที่สุด

เมลเบิร์นเป็นเมืองที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างลงตัว นักเรียนมีทางเลือกมากมายในการพักผ่อน เช่น การเดินเล่นริมแม่น้ำ Yarra การนั่งคาเฟ่ในย่าน Fitzroy หรือการออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและระบบสาธารณูปโภคที่ดี ทำให้นักเรียนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ การมีร้านอาหารไทยและวัตถุดิบไทยจำนวนมากช่วยให้นักเรียนรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ลดความกังวลของผู้ปกครองลงอย่างมาก นอกจากนี้ เมืองยังมีชุมชนคนไทยที่ใหญ่ ทำให้การปรับตัวในช่วงแรกง่ายขึ้น

ความคุ้มค่าที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญ

สิ่งที่ผู้ปกครองจำนวนมากชื่นชมเกี่ยวกับ BLC คือค่าเรียนที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับคุณภาพการสอนและทำเลที่ยอดเยี่ยม แม้จะเป็นสถาบันเอกชน แต่หลักสูตรมีความเข้มข้นและได้รับการรับรองจากรัฐบาลออสเตรเลีย หลายครอบครัวเลือกส่งนักเรียนมาเริ่มจากหลักสูตร Diploma ก่อนต่อยอดไปยังมหาวิทยาลัยผ่าน Pathway ของ BLC ซึ่งช่วยประหยัดค่าเรียนและเวลาได้มาก ผู้ปกครองมักกล่าวว่าลูกหลานมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าพูดภาษาอังกฤษ และมีความรับผิดชอบในการใช้ชีวิตต่างประเทศ

ระบบสนับสนุนนักเรียนต่างชาติที่ครบถ้วน

Blue Lotus College มีทีมงานที่ช่วยดูแลนักเรียนต่างชาติในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปรับตัว การเปิดบัญชี การหาบ้าน การทำงานพาร์ทไทม์ ไปจนถึงคำแนะนำด้านการเรียน เจ้าหน้าที่สามารถให้ข้อมูลอย่างละเอียดและช่วยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้นักเรียนรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ลำพัง แม้จะอยู่ต่างประเทศก็ตาม ระบบสนับสนุนนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักเรียนไทยแนะนำ BLC ต่อไปยังเพื่อนหรือญาติที่ต้องการมาเรียนต่อในออสเตรเลีย

กิจกรรมและ Networking ที่ช่วยเพิ่มโอกาสอนาคต

สถาบันจัดกิจกรรมให้กับนักเรียนตลอดปี เช่น เวิร์กช็อปทักษะอาชีพ การพบปะองค์กรท้องถิ่น และกิจกรรมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สร้างคอนเนกชันกับผู้ประกอบการจริง นอกจากนี้ หลายกิจกรรมยังช่วยฝึกทักษะ Soft Skills เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องการ ทักษะเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อการสมัครงานหลังเรียนจบ

ประสบการณ์นักเรียนจริงช่วยยืนยันคุณภาพ

เสียงสะท้อนจากนักเรียนจริงเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันคุณภาพของ BLC นักเรียนหลายคนเล่าว่าเริ่มต้นเรียนด้วยความกังวล แต่ด้วยบรรยากาศการเรียนที่เป็นกันเองและอาจารย์ที่อธิบายเข้าใจง่าย ทำให้เรียนได้อย่างราบรื่น หลายคนสามารถหางานพาร์ทไทม์หลังเรียนไม่กี่สัปดาห์ และบางคนได้รับข้อเสนอทำงานต่อหลังจบหลักสูตร Diploma ซึ่งเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่พบเห็นได้ทั่วไปในสถาบันนี้

สิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมการเติบโตในทุกมิติ

การมาเรียนต่างประเทศคือการเติบโตทั้งในด้านความรู้และการใช้ชีวิต เมลเบิร์นเป็นเมืองที่ให้โอกาสนักเรียนได้ทดลองสิ่งใหม่ ๆ หลายอย่าง เช่น การใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนต่างชาติ การบริหารเวลา การจัดงบประมาณ และการพึ่งพาตนเองในสถานการณ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้สร้างความแข็งแกร่งและทำให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบมากขึ้น BLC เองก็มีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้ เพราะสถาบันให้การสนับสนุนด้านการเรียนและการใช้ชีวิตอย่างสมดุล

สรุป: เมลเบิร์น + Blue Lotus College = จุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่คุ้มค่าที่สุด

เมื่อรวมปัจจัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรคุณภาพ ทำเลดีเยี่ยม โอกาสทำงานพาร์ทไทม์ ค่าครองชีพที่บริหารจัดการได้ง่าย และระบบดูแลนักเรียนต่างชาติที่ยอดเยี่ยม ทำให้ Blue Lotus College เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการอนาคตที่มั่นคงและโอกาสเติบโตในต่างประเทศ เมลเบิร์นคือเมืองที่พร้อมเปิดรับผู้เรียนใหม่เสมอ และ BLC คือสถาบันที่พร้อมเดินเคียงข้างนักเรียนในทุกก้าวของการเดินทาง

การอยู่อาศัยของนักเรียนในเมลเบิร์น — เลือกอยู่แบบไหนดี?

การมาเรียนต่อที่เมลเบิร์น โดยเฉพาะถ้าเรียนที่ Blue Lotus College ซึ่งอยู่ในโซนเมือง (CBD) เรื่องที่พักเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องคิดให้ดีที่สุดตั้งแต่แรก เพราะ “ที่อยู่” มีผลต่อทั้งคุณภาพชีวิต ค่าใช้จ่าย เวลาเดินทาง และแม้กระทั่งโอกาสทำงานพาร์ทไทม์ของนักเรียนด้วย

เมลเบิร์นมีตัวเลือกที่พักหลากหลายมาก ทั้งแบบแชร์บ้านกับเพื่อน แบบอพาร์ตเมนต์นักศึกษา ไปจนถึงการอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ (Homestay) ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดี–ข้อควรระวังต่างกันไป นักเรียนต่างชาติ รวมถึงนักเรียนไทยจึงควรทำความเข้าใจลักษณะของที่พักแต่ละแบบก่อนตัดสินใจ จะได้เลือกให้ตรงกับนิสัย งบประมาณ และเป้าหมายของตัวเองมากที่สุด

โดยทั่วไป ตัวเลือกที่พักยอดนิยมของนักเรียนที่มาเรียนในเมืองเมลเบิร์นจะมี 3 แบบหลัก ๆ คือ Share House, Student Apartment และ Homestay

Share House (ยอดนิยมที่สุด)

Share House คือการเช่าบ้านหรืออพาร์ตเมนต์อยู่ร่วมกันหลายคน แล้วช่วยกันหารค่าเช่ารายสัปดาห์ เป็นตัวเลือกที่ “ฮิตที่สุด” ในหมู่นักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติ เพราะ:

  • ค่าใช้จ่ายประหยัดกว่าพักคนเดียวมาก
    ปกติค่าเช่าห้องแชร์ในโซนเมืองหรือใกล้เมืองจะอยู่ที่ประมาณ AUD $220–$320 ต่อสัปดาห์ แล้วแต่ทำเลและสภาพห้อง ถ้าอยู่ไกลเมืองออกไปหน่อยราคาจะถูกลง แต่ต้องใช้เวลาเดินทางมากขึ้น
  • ได้อยู่กับเพื่อนหลายชาติ / หรือรวมตัวกับเพื่อนไทย
    บางบ้านเป็นสายอินเตอร์ มีเพื่อนจากหลายประเทศ เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย บราซิล ช่วยให้ได้ฝึกภาษาอังกฤษจริงในบ้านทุกวัน
    ส่วนบางบ้านก็เป็น “บ้านเด็กไทย” ที่ช่วยกันทำอาหาร กินข้าวด้วยกัน ช่วยกันแชร์ข้อมูลงานพาร์ทไทม์ — ก็ได้ฟีลเหมือนอยู่หอในไทย แต่โลเคชันคือเมลเบิร์น
  • อิสระ เลือกสไตล์บ้านได้เอง
    จะเลือกอยู่ห้องเดี่ยว (มีประตูล็อกของตัวเอง) ห้องแชร์ 2 คน หรือห้องใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว (ensuite) ก็แล้วแต่ความพร้อมด้านงบประมาณ

ข้อควรคิดของ Share House

  • ต้องพร้อม “ใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น” เช่น ใช้ครัวร่วมกัน ตู้เย็นร่วมกัน ห้องน้ำบางส่วนร่วมกัน
  • ต้องมีวินัยเรื่องความสะอาดและกติกาบ้าน เช่น ล้างจาน เก็บครัว ไม่ส่งเสียงดังตอนกลางคืน
  • บางบ้านต้องเซ็นสัญญา ขั้นต่ำ 3–6 เดือน ควรอ่านเงื่อนไขให้ชัด ก่อนวางเงินมัดจำ (Bond)

เหมาะกับใคร?

  • นักเรียนที่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย
  • คนที่อยากได้เพื่อนใหม่และไม่ชอบอยู่คนเดียว
  • คนที่อยากอยู่ใกล้เมืองเพื่อเดินทางไปเรียน / ทำงานง่าย

Student Apartment

Student Apartment หรือหอพักนักศึกษาเอกชน เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และชอบที่พักที่ “ออกแบบเพื่อเด็กเรียนต่างชาติ” โดยเฉพาะ

จุดเด่นของ Student Apartment คือ:

  • ทำเลดีมาก ใกล้สถาบันและมหาวิทยาลัย
    ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใน CBD หรือรอบ ๆ เมือง สามารถเดินหรือขึ้นรถรางไม่กี่สถานีก็ถึง Blue Lotus College เหมาะกับคนที่ไม่อยากเสียเวลาเดินทาง
  • ระบบความปลอดภัยสูง
    มีคีย์การ์ด กล้องวงจรปิด ล็อบบี้ มีพนักงานต้อนรับหรือ Manager ประจำตึก ทำให้ผู้ปกครองมั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง
  • ห้องเฟอร์นิเจอร์ครบ เข้าอยู่ได้เลย
    ส่วนใหญ่จะมีเตียง โต๊ะอ่านหนังสือ ตู้เสื้อผ้า ครัวเล็ก ๆ และห้องน้ำในตัว พร้อมอินเทอร์เน็ตในอาคาร
  • มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพบปะเพื่อน
    เช่น ห้องนั่งเล่นส่วนกลาง ห้องอ่านหนังสือ ห้องดูทีวี หรือฟิตเนสเล็ก ๆ ทำให้ไม่เหงา และสามารถเจอเพื่อนจากหลายมหาวิทยาลัยได้

ข้อควรรู้ของ Student Apartment

  • ราคาสูงกว่า Share House พอสมควร โดยปกติจะอยู่ที่ AUD $350–$450 ต่อสัปดาห์
  • มักมีสัญญารายเทอม หรือรายปี ต้องวางแผนดี ๆ ก่อนเซ็น
  • เหมาะกับคนที่ชอบโครงสร้างชัดเจน มีระบบ มีเจ้าหน้าที่ประจำอาคาร

เหมาะกับใคร?

  • คนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงกว่า Share House
  • ผู้ปกครองที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก และโอเคกับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
  • นักเรียนที่ชอบบรรยากาศ “หอพักนักศึกษา” แบบอินเตอร์จริง ๆ

Homestay

Homestay คือการพักกับครอบครัวออสเตรเลียหรือครอบครัวท้องถิ่นที่เปิดบ้านรับนักเรียนต่างชาติ เป็นตัวเลือกที่ทำให้รู้สึกเหมือนมี “ครอบครัวที่สอง” อยู่ต่างประเทศ

จุดเด่นของ Homestay คือ:

  • ได้บรรยากาศบ้านแบบครอบครัว
    เหมาะมากสำหรับนักเรียนอายุน้อย หรือคนที่ไม่มั่นใจเลยในช่วงแรก ครอบครัว Homestay มักช่วยสอนวิธีใช้ชีวิต เช่น การใช้ระบบขนส่ง การจัดการเรื่องจดหมาย การซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ
  • ฝึกภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติทุกวัน
    แค่กินข้าวร่วมโต๊ะ พูดคุยเรื่องชีวิตประจำวัน ก็ทำให้นักเรียนได้ฝึกภาษาอัตโนมัติ ฝึกฟังสำเนียงจริง และเรียนรู้วัฒนธรรมออสซี่ไปพร้อม ๆ กัน
  • ส่วนใหญ่รวมอาหารแล้ว 1–2 มื้อ
    หลายบ้านจัดอาหารเช้า–เย็นให้ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องทำอาหารเองหรือเสียเงินนอกบ้านตลอดเวลา

ข้อควรคิดของ Homestay

  • ต้องเคารพกติกาบ้าน เช่น เวลาเข้าบ้าน เวลาใช้ครัว การเช็คอินเมื่อกลับดึก
  • ระยะทางจากบ้านไปเมืองอาจไกลกว่า Share House/Student Apartment เล็กน้อย (บางบ้านอยู่ชานเมือง แต่ใกล้สถานีรถไฟ)
  • ความรู้สึก “อิสระ” จะน้อยกว่าการอยู่แชร์กับเพื่อน เพราะต้องอยู่ในกรอบของครอบครัวเจ้าบ้าน

เหมาะกับใคร?

  • เด็กมัธยม นักเรียนที่เพิ่งมาครั้งแรก หรือคนที่ยังไม่มั่นใจเรื่องการใช้ชีวิตคนเดียว
  • ผู้ปกครองที่กังวลเรื่องความปลอดภัยและอยากให้มีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด
  • คนที่ตั้งใจอยากฝึกภาษาอังกฤษแบบจัดเต็ม

คุณภาพชีวิตในเมลเบิร์น — เมืองที่ “มีให้ทุกอย่าง”

เมลเบิร์นเป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกหลายปีซ้อน เพราะไม่ได้มีดีแค่เรื่องการท่องเที่ยว แต่ระบบเมืองทั้งหมดถูกออกแบบมาให้ “อยู่ได้จริง” ทั้งด้านความปลอดภัย การเดินทาง การศึกษา สุขภาพ และโอกาสการทำงาน เมื่อนักเรียนต่างชาติย้ายมาใช้ชีวิตที่นี่ สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือ เมืองนี้เป็นมิตรและพร้อมรองรับคนจากหลากหลายเชื้อชาติอย่างแท้จริง

สำหรับนักเรียนที่มาเรียนต่อ โดยเฉพาะที่สถาบันอย่าง Blue Lotus College การมีคุณภาพชีวิตที่ดีหมายถึงอะไรบ้าง? หมายถึงเดินทางไปเรียนได้สะดวก ไม่ต้องเครียดกับรถติด มีสวนสาธารณะให้พักผ่อนหลังเลิกเรียน มีซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารรอบตัว และรู้สึกปลอดภัยเวลาต้องกลับบ้านตอนค่ำ เมลเบิร์นตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้ครบ ทำให้ผู้ปกครองสบายใจ และนักเรียนเองก็รู้สึกว่ามาอยู่แล้ว “อยู่ได้ยาว ๆ”

คุณภาพชีวิตที่ดีแบบนี้ ยังช่วยให้นักเรียนโฟกัสกับเป้าหมายหลัก คือ การเรียนและการพัฒนาตัวเอง ไม่ต้องเสียพลังไปกับการเอาตัวรอดในเมืองใหญ่เหมือนบางประเทศ เมืองที่จัดระบบไว้ดี ทำให้ทุกอย่างกลายเป็น “ระบบสนับสนุน” ให้เด็กต่างชาติเติบโตได้เต็มศักยภาพมากกว่าเป็นอุปสรรค

ความปลอดภัยและความสะอาด

หนึ่งในเหตุผลที่ผู้ปกครองชอบเมลเบิร์นคือ “เมืองนี้ปลอดภัย” เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ระดับโลกอื่น ๆ เมืองนี้มีการดูแลพื้นที่สาธารณะอย่างจริงจัง ทั้งเรื่องแสงสว่างบนถนน การติดตั้งกล้องวงจรปิด ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามย่านสำคัญ รวมถึงระบบช่วยเหลือฉุกเฉินที่โทรติดต่อได้ง่าย

พื้นที่ในเมืองส่วนใหญ่สะอาด เดินเท้าแล้วรู้สึกสบายตา มีถังขยะและจุดแยกขยะชัดเจนตามสถานที่สาธารณะ ทำให้ชินกับการรักษาความสะอาดโดยอัตโนมัติ สำหรับนักเรียนที่ต้องเดินทางไป–กลับสถาบันทุกวัน ความรู้สึกว่า “กลับบ้านแล้วปลอดภัย” สำคัญมาก และเมลเบิร์นทำได้ดีในจุดนี้

การเดินทางสาธารณะที่สะดวกที่สุดในออสเตรเลีย

ด้านการเดินทาง เมลเบิร์นถูกยกให้เป็นหนึ่งในเมืองที่ระบบขนส่งสาธารณะดีที่สุดในออสเตรเลีย ทั้งรถราง (Tram) รถไฟฟ้า (Train) และรถบัส (Bus) ที่เชื่อมทุกย่านเข้าด้วยกัน ทำให้แม้ไม่มีรถส่วนตัว ก็ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย

ไฮไลต์สำคัญของเมืองนี้คือ Free Tram Zone ใน CBD นักเรียนที่เรียนในเมืองอย่าง Blue Lotus College สามารถนั่งรถรางรอบเมืองได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่ดอลลาร์เดียวในโซนนี้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายรายเดือนลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนที่ต้องเดินทางไปเรียนและทำงานพาร์ทไทม์ในเมือง

ระบบตั๋วโดยสารแบบ Myki Card ก็ใช้งานง่าย เติมเงินครั้งเดียว ใช้ได้ทั้ง Tram, Train และ Bus ทำให้ไม่ต้องมาคอยซื้อตั๋วใหม่ทุกครั้งเหมือนบางประเทศ นักเรียนใหม่อาจต้องใช้เวลา 2–3 วันในการจำเส้นทาง แต่หลังจากนั้น การนั่งรถสาธารณะจะกลายเป็นเรื่องง่ายมาก

ภูมิประเทศเมืองและอากาศของเมลเบิร์น

เมลเบิร์นเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่ง มีทั้งโซนเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงสมัยใหม่ ย่านเก่าแก่สไตล์ยุโรป และย่านพักอาศัยที่เงียบสงบเรียงรายด้วยบ้านเดี่ยว ทำให้เมืองนี้มีความหลากหลายด้านบรรยากาศอย่างชัดเจน นักเรียนสามารถเลือกพื้นที่อยู่อาศัยตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ ทั้งแบบในเมืองที่คึกคัก หรือชานเมืองที่สงบและเป็นแนวบ้านครอบครัว

ตัวเมืองมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่กระจายอยู่หลายแห่ง เช่น Flagstaff Gardens, Carlton Gardens และ Royal Botanic Gardens ที่เดินทางจาก CBD ได้ง่าย ทำให้ไม่ว่าจะอยู่อย่างไร ก็มี “พื้นที่สีเขียว” ให้หนีออกจากความวุ่นวายในเมืองเมื่ออยากพักหัวสมองจากการเรียน

อากาศแบบ “4 Seasons in One Day”

วลีที่คนมักใช้พูดถึงเมลเบิร์นคือ “Four Seasons in One Day” เพราะอากาศสามารถเปลี่ยนได้หลายรอบในวันเดียว ช่วงเช้าอาจลมเย็นสบาย เที่ยงแดดแรง บ่ายมีฝนโปรย และเย็นกลับมาเย็นอีกครั้ง นักเรียนที่มาใหม่ต้องเรียนรู้ที่จะเช็คพยากรณ์อากาศเป็นนิสัย และพกร่มเล็กหรือแจ็กเก็ตไว้เสมอ

ในภาพรวม เมลเบิร์นมี 4 ฤดูชัดเจน:

  • ฤดูร้อน: อากาศร้อน แต่ยังสบายกว่าหลายประเทศ
  • ฤดูหนาว: เย็น 5–14°C แต่อากาศไม่ชื้น ทำให้หนาวแบบแห้ง ๆ
  • ใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง: เป็นช่วงที่สวยงามที่สุด ต้นไม้เปลี่ยนสี อากาศกำลังดี

ถึงแม้อากาศจะเปลี่ยนบ่อย แต่ไม่ถึงขั้น “อยู่ไม่ได้” แค่ปรับตัวเรื่องการแต่งตัวและเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายมาก

อาหารการกินในเมลเบิร์น — สวรรค์ของสายกิน

เมลเบิร์นถูกยกให้เป็นหนึ่งใน “เมืองแห่งอาหาร” ของออสเตรเลีย เพราะรวบรวมเมนูจากทั่วโลกไว้ในเมืองเดียว ไม่ว่าจะอยากกินไทย ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม อินเดีย หรืออาหารยุโรป ก็มีให้เลือกครบ โดยเฉพาะในย่าน CBD นักเรียนสามารถเดินไปไม่กี่บล็อกก็เจอร้านอาหารหลากหลายให้สลับเปลี่ยนทุกวัน

ราคามีตั้งแต่ระดับ “ประหยัดแบบเด็กเรียน” ไปจนถึงร้านไฟน์ไดนิ่ง พวก Takeaway Lunch, ข้าวกล่อง หรือก๋วยเตี๋ยวชามเดียว ก็ช่วยให้นักเรียนใช้ชีวิตได้บนงบที่คุมเองได้ นอกจากร้านอาหารแล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Coles, Woolworths และ Asian Groceries ก็มีวัตถุดิบหลากหลาย ทำให้ทำอาหารกินเองได้ง่าย ประหยัดและอร่อยในแบบที่ถูกปากตัวเอง

อาหารไทยที่อร่อยจนคนท้องถิ่นติดใจ

สิ่งที่ทำให้นักเรียนไทยรู้สึกหายคิดถึงบ้าน คือ “ร้านอาหารไทยในเมลเบิร์นเยอะมาก” และหลายร้านรสชาติแทบไม่ต่างจากกินที่ไทย บางร้านคนไทยเป็นเจ้าของ บางร้านคนท้องถิ่นเป็นคนทำแต่เรียนสูตรจากเชฟไทยโดยตรง เมนูยอดฮิต เช่น ผัดไทย ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ข้าวกะเพรา ข้าวมันไก่ ล้วนเป็นเมนูที่ชาวออสซี่รู้จักดี

นอกจากช่วยให้เด็กไทยหายคิดถึงบ้านแล้ว ร้านอาหารไทยยังเป็นหนึ่งในแหล่งงานพาร์ทไทม์ยอดนิยมของนักเรียนไทยด้วย เพราะนายจ้างเข้าใจวัฒนธรรมและภาษา ทำให้เริ่มต้นทำงานได้คล่องตัวกว่าไปเริ่มจากร้านที่ไม่มีคนไทยเลย

อาหารญี่ปุ่นที่ต้องลอง

นอกจากอาหารไทย เมลเบิร์นยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะร้าน Donburi, Ramen และ Sushi ราคาย่อมเยาว์ที่มีให้เลือกแทบทุกถนนในเมือง นักเรียนสามารถกินข้าวหน้าปลาแซลมอน ซูชิโรล หรือราเมงชามใหญ่ในงบไม่สูงมาก เหมาะกับวันอยากเปลี่ยนรสชาติจากอาหารไทย

หลายร้านมีโปรโมชัน Lunch Special ในช่วงกลางวัน ทำให้การกินข้าวนอกบ้านในวันเรียนเป็นเรื่องที่ยังประหยัดได้อยู่ หากรู้จักเลือกและวางแผนดี ๆ

คาเฟ่ที่ต้องไปให้ได้

เมลเบิร์นขึ้นชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงของกาแฟ” คาเฟ่แต่ละร้านจริงจังกับการคั่วเมล็ด การชง การออกแบบบรรยากาศ และเมนูขนมต่าง ๆ นักเรียนจำนวนมากใช้คาเฟ่เป็นที่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน หรือนัดคุยโปรเจกต์กับเพื่อน

กาแฟสไตล์ออสซี่ที่ต้องลอง เช่น Flat White, Latte, Magic และ Long Black บางร้านเล็ก ๆ ไม่มีป้ายใหญ่โต แต่คิวยาวตลอดทั้งเช้า เป็นคาเฟ่ที่คนท้องถิ่นบอกต่อกันเอง บรรยากาศเหล่านี้ทำให้การใช้ชีวิตในเมืองไม่จำเจ และให้ความรู้สึกว่า “เรียนต่างประเทศแบบมีไลฟ์สไตล์”

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับเด็กที่ไปเรียนเมลเบิร์น

การมาเรียนที่เมลเบิร์นจะคุ้มยิ่งขึ้น หากได้ออกไปเที่ยวรอบ ๆ เมืองในวันหยุด เมืองนี้รายล้อมด้วยทั้งทะเล ภูเขา และเมืองเล็ก ๆ ที่มีเอกลักษณ์ นักเรียนสามารถจัดทริป 1 วัน หรือ 2–3 วันง่าย ๆ กับเพื่อน ๆ

Brighton Beach

ชายหาด Brighton Beach ขึ้นชื่อเรื่องกระท่อมริมทะเลสีพาสเทลที่เรียงกันสวยงาม เป็นหนึ่งในจุดเช็กอินยอดฮิตของนักเรียนต่างชาติ ถ่ายรูปขึ้น IG ปุ๊บ คนก็รู้ทันทีว่า “มาเมลเบิร์นแล้ว” นอกจากถ่ายรูปสวย ๆ แล้ว บริเวณนี้ยังเหมาะกับการนั่งเล่น ฟังเสียงคลื่น ชมพระอาทิตย์ตกหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุดสุดสัปดาห์

Great Ocean Road

เส้นทาง Great Ocean Road ถูกยกให้เป็นหนึ่งในถนนเลียบชายฝั่งที่สวยที่สุดในโลก ไฮไลต์สำคัญคือวิว “12 Apostles” แนวหินกลางทะเลที่สวยแบบต้องเห็นด้วยตาตัวเองอย่างน้อยสักครั้ง นักเรียนมักจัดทริปเช้ากลับเย็นหรือค้างคืน 1 คืนกับเพื่อน ๆ ทริปนี้ช่วยรีเซ็ตสมองหลังจากเรียนหนัก และทำให้รู้สึกว่าการมาเรียนต่างประเทศนั้น “ได้ทั้งเรียนและเที่ยวในทริปเดียว”

St Kilda Pier

St Kilda เป็นย่านริมทะเลที่เดินทางไม่ไกลจากเมือง จุดเด่นคือสะพานไม้และท่าเรือที่สามารถเห็นเพนกวินตัวเล็ก ๆ ขึ้นมาบนโขดหินในช่วงเย็น ๆ ใกล้พระอาทิตย์ตก นักเรียนมักมาที่นี่เพื่อเดินเล่น ดูวิวเมืองจากมุมไกล และถ่ายรูปกับเพนกวิน เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดในวันอากาศดี

Royal Botanic Gardens

Royal Botanic Gardens คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่และสวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมลเบิร์น มีทั้งทะเลสาบ สนามหญ้า และต้นไม้จากหลายภูมิภาคทั่วโลก เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการวิ่งตอนเช้า นั่งอ่านหนังสือ ปิคนิคกับเพื่อน หรือแค่เดินทอดน่องพักสายตาจากจอคอม นักเรียนที่เครียดจากการเรียนหรือทำงานพาร์ทไทม์ มักใช้ที่นี่เป็นที่พักใจในวันหยุด

Queen Victoria Market

ตลาด Queen Victoria Market เป็นทั้งแหล่งซื้อของสด ผัก ผลไม้ เนื้อ ชีส และของกินเล่น รวมถึงโซนเสื้อผ้า ของที่ระลึก และของใช้ต่าง ๆ ราคานักเรียน ใครที่อยากประหยัดค่ากินอยู่ การมาซื้อของที่นี่แล้วกลับไปทำอาหารเองช่วยเซฟเงินได้มาก อีกทั้งยังเป็นการสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

สถานที่ “ต้องเช็คอิน” ถ้ามาเรียนที่เมลเบิร์น (เพราะอะไร?)

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยว เมลเบิร์นยังมีจุดเช็กอินที่ “ไปแล้วรู้เลยว่าอยู่เมืองไหน” เป็นแลนด์มาร์กที่ทั้งนักท่องเที่ยวและนักเรียนต่างชาติต้องไปให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง

Flinders Street Station

สถานีรถไฟ Flinders Street Station คือหัวใจของเมือง ตัวอาคารสีเหลืองทองและโดมสีเขียวด้านบนเป็นภาพจำของเมลเบิร์นมานานหลายสิบปี บริเวณด้านหน้ามักเต็มไปด้วยผู้คน รถราง และนักท่องเที่ยวถ่ายรูป เป็นจุดนัดพบยอดนิยม และเป็นภาพที่มักเห็นบนโปสต์การ์ดของเมืองนี้เสมอ

State Library of Victoria

State Library of Victoria เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย โดดเด่นด้วยห้องอ่านหนังสือทรงแปดเหลี่ยม โคมไฟขาว และโต๊ะไม้ยาว รอบด้านเป็นชั้นหนังสือสูงหลายชั้น นักเรียนจำนวนมากใช้ที่นี่เป็นที่อ่านหนังสือ ทำรายงาน หรือเตรียมสอบ บรรยากาศจริงจังแต่สงบ ทำให้โฟกัสกับงานได้ดีมาก 

Southbank

Southbank คือย่านริมแม่น้ำ Yarra ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบาร์วิวแม่น้ำ เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการเดินเล่นตอนเย็น ดูแสงไฟสะท้อนผืนน้ำ และชมวิวตึกสูงของ CBD จากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ หลายคนมาเดินเล่นหลังเลิกเรียน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากความวุ่นวายของกลางเมืองให้ช้าลงสักหน่อย

Block Arcade / Royal Arcade

Block Arcade และ Royal Arcade เป็นอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปเก่าแก่ ภายในตกแต่งด้วยพื้นโมเสก เพดานโค้ง กระจก และร้านค้าเล็ก ๆ สไตล์บูทีค เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถ่ายรูปออกมาแล้ว “ดูแพง” โดยไม่ต้องปรับฟิลเตอร์มาก เป็นจุดที่แนะนำให้ไปเดินเล่นในวันที่อยากเปลี่ยนฟีลจากถนนทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในเมืองยุโรปขนาดย่อมกลางเมลเบิร์น

มหาวิทยาลัยที่น่าสนใจเพิ่มเติม: https://thebest-edu.com/study-abroad/

Official Website

หลักสูตรที่เปิดสอน

ราคา โปรโมชั่น และทุนการศึกษา

สิ่งอำนวยความสะดวกและที่พัก

On Campus

VIDEO

video image

ที่อยู่สถาบัน

Address: level 2/540 Elizabeth St, Melbourne VIC
Zip: 3000
Country: Australia

Map

Transport
Supermarkets
Schools
Restaurants
Pharmacies
Hospitals

Recommend

Compare Listings

Webmaster Thebest