วีซ่านักเรียนประเทศอเมริกา
วีซ่านักเรียนประเทศอเมริกา
ประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดกว้างสำหรับบุคคลต่างชาติที่เดินทางมาสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้ารับการศึกษา โดยทั่วไปแล้ว ชาวต่างประเทศที่มีความประสงค์เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาต้องได้รับวีซ่าสหรัฐอเมริกาก่อน วีซ่านี้จะติดไว้ในหนังสือเดินทางของผู้เดินทาง โดยมีทั้งวีซ่าชั่วคราวและวีซ่าถาวรและหากต้องการจะเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาจะต้องมีวีซ่านักเรียน
ก่อนทำการยื่นคำร้องขอวีซ่าผู้สมัครที่เป็นนักเรียนทุกคนจะต้องได้รับการตอบรับให้เข้ารับการศึกษาจากทางโรงเรียนหรือโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อมีการตอบรับทางโรงเรียนจะส่งเอกสารยืนยันให้กับผู้สมัครแต่ละคน เพื่อนำมาใช้ยื่นประกอบการยื่นคำร้องขอวีซ่านักเรียน
ประเภทของวีซ่านักเรียนมีอะไรบ้าง
ประเภทและระดับการศึกษา | ประเภทของวีซ่า |
University or College มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย |
F |
High School
โรงเรียนมัธยม |
|
Private elementary school
โรงเรียนประถมศึกษาเอกชน |
|
Seminary
โรงเรียนสอนศาสนา |
|
Conservatory
โรงเรียนสอนดนตรี |
|
Another academic institution, including a language training program
สถาบันการศึกษาประเภทอื่นรวมถึงโปรแกรมสอนภาษา |
|
Vocational or other recognized nonacademic institution, other than a language training program
สถาบันสอนวิชาชีพหรือสถาบันสอนอื่นๆที่ไม่ใช่วิชาการรวมทั้งสถาบันอื่นที่ไม่ใช่โปรแกรมสอนภาษา |
M |
รายละเอียดและคุณสมบัติของวีซ่าแต่ละประเภท
- วีซ่า F-1 วีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าหลักที่ออกให้แก่นักเรียนส่วนใหญ่ ในกรณีที่ต้องการเข้าเรียนในสหรัฐอเมริกาตามสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองแล้วเช่น วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรอง โรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา หรือโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษที่ผ่านการอนุมัติ ผู้สมัครต้องมีวีซ่าประเภท F-1 รวมไปถึงผู้ที่ต้องการเข้าเรียนในหลักสูตรอื่นๆที่มากกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็ต้องใช้วีซ่าประเภท F-1 เช่นกัน
- วีซ่า M-1 ในกรณีที่มีความประสงค์จะเข้ารับการศึกษาในด้านวิชาชีพ หรือด้านอื่นๆที่นอกเหนือจากด้านวิชาการ หรือเข้าฝึกอบรมใดๆที่จัดโดยสถาบันในสหรัฐอเมริกา ผู้สมัครจะต้องมีวีซ่าประเภท M-1
โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าแต่ละประเภทและโอกาสทางการศึกษาในสหรัฐอเมริกาได้ที่เว็บไซต์ Education USA
โรงเรียนรัฐบาลในสหรัฐอเมริกาที่นักเรียนต่างชาติควรทราบ
กฎหมายสหรัฐฯไม่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติเข้าเรียนโรงเรียนของรัฐในระดับชั้นประถมศึกษา (อนุบาลถึงเกรด 8) หรือโครงการศึกษาระดับผู้ใหญ่ที่รัฐออกทุนให้ ดังนั้นจึงไม่สามารถออก F-1 ให้นักเรียนต่างชาติที่ต้องการเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนประเภทดังกล่าวได้
วีซ่าประเภท F-1 ใช้ได้สำหรับผู้สมัครที่เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนของรัฐในระดับมัธยมศึกษา (เกรด 9 ถึง 12) โดยที่นักเรียนจะสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวได้สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน โรงเรียนต้องระบุในแบบฟอร์ม I-20 มาด้วยว่า ว่านักเรียนชำระค่าธรรมเนียมในการศึกษาเอง ครบถ้วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่าประเภท F-1 ได้จากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
หมายเหตุ: ผู้ถือวีซ่าประเภท A, E, F-2, G, H-4, J-2, L-2, M-2 หรือวีซ่าชั่วคราวสำหรับผู้ติดตามประเภทอื่นๆสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษาของรัฐได้
สมัครเรียนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องทำอย่างไรบ้าง
- ทำความรู้จักและเลือกหลักสูตร สถาบันและเมืองที่ต้องการเรียนต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งช่วงระยะเวลาที่เปิดรับสมัคร
- เตรียมเอกสารที่ใช้ในการสมัครเรียน ได้แก่
-
- หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันที่มีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อยหกเดือน
- รูปถ่ายหน้าตรง
- วุฒิบัตรการศึกษาสูงสุดและใบระเบียนผลการเรียนล่าสุด
- เอกสารรับรองสถานภาพการเป็นนักเรียน/นักศึกษา หรือเอกสารใบคาดว่าจะจบ (ในกรณีที่ยังเรียนอยู่ปีการศึกษาสุดท้าย)
- ผลคะแนนทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL หรือ PTE
- ผลคะแนน GRE/GMAT/SAT
- ประวัติส่วนตัวโดยย่อ (Resume) และ/หรือแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)
- Recommendation Letters จดหมายแนะนำตัวจากอาจารย์หรือหัวหน้างานอย่างน้อย 2-3 ฉบับ (บางหลักสูตรที่คุณเลือกเรียนอาจขอเอกสารนี้)
- Statement of Purpose (SOP) หนังสือชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเรียน (บางหลักสูตรที่คุณเลือกเรียนอาจขอเอกสารนี้)
- Experience Letter อาจถูกขอในกรณีที่มี gap ใน Resume ระหว่างเรียนหรือการทำงานมากกว่า 6 เดือน
- เกียรติบัตร ใบประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตรอื่นๆที่คุณเคยฝึกงาน เข้าร่วมกิจกรรม ได้รางวัลหรือมีประสบการณ์อื่นๆที่น่าสนใจและนำเสนอความสามารถของคุณ
- Bank Statement จดหมายรับรองบัญชีทางการเงินเพื่อสนับสนุนการเรียนในสหรัฐอเมริกาของคุณ ต้องเป็นบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวและขอประวัติการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนจากธนาคารเจ้าของบัญชี
- Affidavit of Support หนังสือรับรองการสนับสนุนทางการเงินจากสปอนเซอร์ (ถ้ามี)
หมายเหตุ: เอกสารทั้งหมดต้องได้รับการแปลและรับรองฉบับภาษาอังกฤษด้วย
- ส่งใบสมัครเรียนกับทางสถาบันที่ต้องการศึกษาต่อ หรือสามารถสมัครผ่านทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ได้เลย และชำระค่าสมัครเรียน
- บางสถาบันการศึกษาอาจให้นักเรียนทำการสัมภาษณ์ก่อน จากนั้นถึงประกาศผลและตอบรับเข้าเรียน
- เมื่อได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อแล้ว ชำระค่ามัดจำการเรียน 1 เทอมหรือ 1 ปี หรือบางสถาบันอาจต้องชำระค่าเรียนทั้งหมดก่อน
- รับเอกสารรับรองการชำระค่าเรียน และจดหมายรับรองการเรียน รวมถึงเอกสารแบบฟอร์ม I-20 ซึ่งเป็นแบบฟอร์มทางการของรัฐบาลสหรัฐฯและออกให้โดยสถาบันการศึกษาที่ผ่านการรับรองแล้ว ซึ่งแบบฟอร์ม I-20 นี้จะเป็นหลักฐานยืนยันการตอบรับให้เข้าศึกษา และมีข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการชำระค่าธรรมเนียม SEVIS I-901 รวมถึงเป็นหลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำร้องขอวีซ่า ขอเปลี่ยนสถานะของวีซ่า ตลอดจนการขอเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา แบบฟอร์ม I-20 จะมีหมายเลข SEVIS ประจำตัวของนักเรียน ซึ่งขึ้นต้นด้วยตัวอักษร N และตามด้วยตัวเลขเก้าหลักอยู่ที่ด้านบนทางขวามือเหนือบาร์โค้ด
- ชำระค่าธรรมเนียม SEVIS หรือโปรแกรมระบบฐานข้อมูลนักเรียนและนักเรียนในโครงการแลกเปลี่ยน (SEVIS) กำหนดให้สถาบันการศึกษาและโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนเรียนของนักเรียนและนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างชาติทั้งผู้ที่มาศึกษาใหม่และที่กำลังศึกษาอยู่แล้วทั้งหมด ดังนั้นผู้สมัครวีซ่านักเรียนต้องชำระค่าธรรมเนียม SEVIS ก่อนจึงจะสามารถออกวีซ่าได้ค่าธรรมเนียม SEVIS สำหรับนักเรียนที่มีแบบฟอร์ม I-20 คือ 350 เหรียญสหรัฐ ผู้สมัครจะต้องยื่นหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมนี้ก่อน คำร้องขอวีซ่านักเรียนของนักเรียนจึงจะได้รับพิจารณาอนุมัติ
ช่องทางในการชำระค่าธรรมเนียม SEVIS
-
- ทางสถาบันการศึกษาเป็นผู้เรียกเก็บพร้อมกับค่าสมัครเรียน
- ชำระเองในภายหลัง โดยต้องใช้บัตรเครดิตในการทำรายการ ซึ่งหากนักเรียนไม่มีบัตรเครดิต ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์จะเป็นตัวแทนในการชำระให้โดย
– ชำระผ่านเว็บไซต์ www.FMJfee.com โดยนักเรียนต้องกรอกฟอร์ม I-901 และชำระเงินโดยหักจากบัตร Visa, Master หรือ American Express |
– ส่งแบบฟอร์ม I-901 ที่ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ www.FMJfee.com พร้อมทั้งซื้อดราฟท์จำนวน USD100 สั่งจ่าย “The Department of Homeland Security, Immigration and Customs Enforcement” |
ที่อยู่ส่งด่วน: I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee, 1005 Convention Plaza, St. Louis, MO 63101 USA
ที่อยู่ส่งไปรษณีย์ธรรมดา: I-901 Student/Exchange Visitor Processing Fee, PO Box 970020, St. Louis, MO 63197-0020
ข้อควรรู้เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม SEVIS
-
- ผู้สมัครที่ต้องชำระค่าธรรมเนียม SEVIS ได้แก่ นักศึกษาใหม่/นักศึกษาในโครงการแลกเปลี่ยนที่จะเข้าไปศึกษาต่อที่สหรัฐฯ
- หรือผู้ที่เคยได้รับวีซ่านักเรียนและกลับมาอยู่ประเทศไทยนานเกินกว่า 5 เดือน และต้องการเดินทางกลับเข้าไปศึกษาในสหรัฐฯใหม่
- กรณีได้รับ I-20 มากกว่า 1 สถาบันการศึกษานักเรียนจะต้องชำระค่าธรรมเนียม SEVIS ครั้งเดียวเท่านั้น และเมื่อนักเรียนเปลี่ยนใจไปเรียนกับอีกสถาบันหนึ่งต่างจากที่ระบุไว้ใน I-901 นักเรียนสามารถโอนค่าธรรมเนียมที่เคยชำระครั้งแรกเป็นของสถาบันการศึกษาใหม่ได้ หรือกรณีที่นักเรียนย้ายออกจากสถาบันการศึกษาแห่งแรกให้นักเรียนนำสำเนา I-20 แนบสำเนาใบเสร็จแจ้งสถาบันการศึกษาแห่งใหม่ได้
- ค่าธรรมเนียม SEVIS มีอายุ 1 ปีเท่านั้น และนักเรียนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ice.gov/sevis
เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นคำร้องขอวีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกา
การยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F หรือ M ผู้ยื่นคำร้องจะต้องยื่นเอกสารต่อไปนี้
- ใบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บเพจ DS-160
- หนังสือเดินทางที่สามารถใช้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาได้ โดยหนังสือเดินทางนั้นจะต้องมีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อยหกเดือน (นอกจากได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงรายประเทศ) สำหรับผู้ที่ใช้หนังสือเดินทางร่วมกับผู้เยาว์ โปรดทราบว่าแต่ละคนที่ต้องการวีซ่าจะต้องยื่นใบคำร้องขอวีซ่าแยกกัน
- รูปถ่ายขนาด 2×2″ (5 ซม.x5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่ง (1) ใบ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของรูปถ่ายสามารถหาได้จากเว็บเพจนี้
- ใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวในสกุลเงินท้องถิ่นที่เทียบเท่ากับ 160 ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าธรรมเนียมนี้ไม่สามารถขอคืนได้ เว็บเพจนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว ในบางกรณีหากวีซ่าผ่านการอนุมัติแล้ว ยังอาจต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการออกวีซ่า โดยจะขึ้นอยู่กับสัญชาติของผู้ยื่นคำร้อง เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯมีข้อมูลที่ช่วยระบุว่าจะต้องชำระค่าธรรมเนียมในการออกวีซ่าหรือไม่ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว
- แบบฟอร์ม I-20 ที่มีลายเซ็บรับรองจากทางโรงเรียนหรือโครงการในสหรัฐอเมริกา
- เอกสารด้านการเงินและเอกสารอื่นๆที่จะช่วยสนับสนุนใบคำร้องของผู้ยื่นคำร้อง และมีความน่าเชื่อถือในการยืนยันว่าผู้ยื่นคำร้องมีทุนทรัพย์เพียงพอสำหรับการชำระค่าธรรมเนียมในการศึกษาของปีแรก ทั้งยังต้องสามารถบ่งบอกว่าจะสามารถนำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายได้อย่างเพียงพอตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา สำหรับผู้สมัคร M-1 จะต้องแสดงหลักฐานยืนยันความสามารถในการชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าใช้จ่ายประจำวันตลอดระยะเวลาที่ตั้งใจจะพำนักอยู่
นอกจากเอกสารที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ต้องแสดงใบนัดสัมภาษณ์เพื่อยืนยันว่าผู้ยื่นคำร้องได้จองเวลานัดสัมภาษณ์ผ่านบริการนี้เรียบร้อยแล้ว และยังสามารถนำเอกสารประกอบอื่นๆ ที่เชื่อว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เจ้าหน้าที่กงสุลได้ติดตัวมาด้วย
สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร: 090-327 3558, 088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line: @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
วิธีการสมัครวีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกา
ลำดับ | คำอธิบายวิธีการ |
ขั้นตอนที่ 1 | กรอกใบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160) |
ขั้นตอนที่ 2 | ชำระค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอวีซ่า จำนวน 160 เหรียญสหรัฐ |
ขั้นตอนที่ 3
|
ทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าผ่านเว็บนี้ คุณจะต้องใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการทำนัดสัมภาษณ์
|
ขั้นตอนที่ 4
|
ไปที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาตามวันและเวลาที่คุณมีนัดสัมภาษณ์ คุณต้องนำใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ ใบยืนยัน DS-160 ของคุณ รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่งใบ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันและเล่มเก่าทั้งหมด และใบเสร็จการชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริงมาด้วย คำร้องที่ไม่มีเอกสารทั้งหมดข้างต้นจะไม่ได้รับการพิจารณา |
เอกสารประกอบในการยื่นคำร้องขอวีซ่า
เอกสารเพิ่มเติมในการยื่นคำร้องขอวีซ่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่เจ้าหน้าที่กงสุลจะนำมาพิจารณาประกอบการสัมภาษณ์ โดยเจ้าหน้าที่กงสุลจะตัดสินใบคำร้องแต่ละกรณีโดยดูจากปัจจัยด้านอาชีพ สังคม วัฒนธรรม และปัจจัยอื่นๆที่มีอยู่ขณะที่ทำการพิจารณา โดยอาจดูจากเจตนา สถานการณ์ด้านครอบครัว แผนระยะยาวของผู้ยื่นคำร้อง ตลอดจนสถานการณ์ภายในประเทศที่ผู้ยื่นคำร้องอาศัยอยู่ ซึ่งแต่ละกรณีจะได้รับการพิจารณาเป็นรายบุคคลภายใต้กฎหมาย
ข้อควรระวัง: อย่าแสดงเอกสารปลอม การหลอกลวงหรือการกรอกข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการร้องขอวีซ่าอย่างถาวร หากมีความกังวลเรื่องความลับของข้อมูล ควรนำเอกสารต่างๆ ใส่ซองปิดผนึกมายังสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาด้วยตนเอง สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาจะไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องต่อผู้ใดและจะเคารพข้อมูลที่เป็นความลับของผู้ยื่นคำร้อง
ในการนัดสัมภาษณ์วีซ่าชั่วคราวคุณต้องมีข้อมูลและเอกสารดังต่อไปนี้
- หนังสือเดินทางสำหรับเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่คุณตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อยหกเดือน (นอกจากได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงรายประเทศ) สำหรับผู้ที่ใช้หนังสือเดินทางร่วมกับผู้เยาว์โปรดทราบว่าแต่ละคนที่ต้องการวีซ่าจะต้องยื่นใบคำร้องขอวีซ่าแยกกัน
- ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอวีซ่าของผู้ยื่นคำร้อง
- หน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160
- อีเมลแอดเดรสของผู้ยื่นคำร้องและ
- เอกสารที่จำเป็นต้องนำมาตามข้อกำหนดของวีซ่าแต่ละประเภท (เช่น ใบคำร้องที่ได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้วสำหรับผู้สมัครวีซ่าประเภทที่ต้องได้รับอนุมัติคำร้อง สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของวีซ่าและข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าแต่ละประเภทได้ ที่นี่)
ควรนำเอกสารต่อไปนี้มาในวันสัมภาษณ์ด้วย
- เอกสารที่เป็นหลักฐานยืนยันความผูกพันอย่างแน่นแฟ้นในด้านการเงิน สังคม และครอบครัวที่มีต่อประเทศของผู้ยื่นคำร้อง ที่แสดงได้ว่าผู้ยื่นคำร้องจะต้องเดินทางกลับมายังประเทศของตนเองหลังจากโครงการศึกษาในสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดลง
- ไม่สามารถใช้สำเนาใบแจ้งยอดบัญชีจากธนาคารยื่นประกอบได้ เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องนำใบแจ้งยอดบัญชีจากธนาคารตัวจริงหรือสมุดเงินฝากติดตัวมาแสดงด้วย
- ในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบุคคลอื่น ให้นำหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ให้การสนับสนุนนั้น (เช่นสูติบัตร) แบบฟอร์มผู้เสียภาษีตัวจริงของผู้สนับสนุน สมุดเงินฝากและ/หรือใบรับรองเงินฝากประจำ
- เอกสารเกี่ยวกับการศึกษาที่แสดงถึงความเตรียมพร้อมด้านการศึกษา ตัวอย่างเช่น ใบรับรองผลการศึกษาของโรงเรียน (ควรนำตัวจริงมาแสดง) ที่มีรายละเอียดผลการศึกษาระบุไว้ ใบประกาศนียบัตรยืนยันการผ่านการสอบวัดระดับตามระบบการศึกษาของอังกฤษ (A-levels ฯลฯ) ผลการสอบที่มีมาตรฐาน (SAT, TOEFL ฯลฯ) และประกาศนียบัตรอื่นๆ
ค่าธรรมเนียมและทางเลือกการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า
อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้สมัครวีซ่านักเรียน ประเภท F (นักเรียนสายวิชาการ) และ M (นักเรียนสายวิชาชีพ) คือ 160 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 5,440.00 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันนี้จะมีผลใช้ได้จนถึง 12/09/2021) ข้อมูลมีการอัพเดตจากอัตราแลกเปลี่ยน คุณสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์นี้
การโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ – Electronic Funds Transfer (EFT)
ผู้สมัครสามารถชำระค่าธรรมเนียมยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราวด้วยการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) โดยตรงจากบัญชีธนาคารของผู้สมัคร โปรดทราบว่าธนาคารเจ้าของบัญชีของผู้สมัครอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นี้ หากผู้สมัครสร้างโปรไฟล์ยื่นคำร้องขอวีซ่าพร้อมผู้ติดตาม (ที่เป็นครอบครัวหรือกลุ่ม) มาจากในระบบนัดหมาย ผู้สมัครชำระเงินเพียงครั้งเดียว (โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าจำนวนค่าธรรมเนียมวีซ่าบนคำแนะนำชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าถูกต้องตามจำนวนผู้สมัครทั้งหมดในหมู่คณะของคุณ
- ล็อกอินโพรไฟล์ เมื่อถึงหน้าชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า เลือกการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) เลขที่อ้างอิง Virtual Account ID จะปรากฎบนหน้าจอ ผู้สมัครต้องใช้เลขที่อ้างอิงนี้ ในการดำเนินการโอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFT) ออนไลน์
- ผู้สมัครทำการชำระเงินเพียงครั้งเดียว ต่อ เลขที่อ้างอิง Virtual Account ID เท่านั้น เพราะคุณไม่สามารถโอนเปลี่ยนให้ผู้สมัครผู้อื่นหรือขอค่าธรรมเนียมวีซ่าคืนได้ในทุกกรณีเป็นความรับผิดชอบของผู้สมัคร ที่ต้องเก็บเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID ไว้เป็นหลักฐานในการทำนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า
- ใส่ชื่อธนาคารผู้รับเงินที่ระบุด้านล่างในการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อทำให้การโอนเงิน (ACH Transfer-SMART) ของคุณสมบูรณ์กรุณาชำระเป็นเงินบาทเท่านั้น
ธนาคารผู้รับเงิน: Bank of America N.A., Bangkok Branch
SWIFT CODE: BOFATH2X
Bank Sort Code: 0270001
เลขที่อ้างอิง: เลขที่อ้างอิง Virtual Account ID ของผู้สมัคร
จำนวน: 5,440.00 กรุณาชำระเป็นเงินบาทเท่านั้น - เมื่อผู้สมัครชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว สามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ตามตารางระยะเวลาที่ผู้สมัครสามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้วด้านล่าง กรุณาล็อกอินเข้าโพรไฟล์ของคุณในระบบเพื่อทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าของคุณด้วยเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID
การชำระเงินสดที่ธนาคาร
ผู้สมัครสามารถชำระค่าธรรมเนียมยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว ด้วยเงินสดได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขาในประเทศไทย
ผู้สมัครต้องพิมพ์ใบแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าสหรัฐฯ และ ใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากระบบก่อน นำทั้งสองรายการไปชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคาร โปรดคลิก https://www.krungsri.com/bank/en/Bank-Locations-and-Branches/BranchLocations.html เพื่อดูที่ตั้งสาขาต่างๆของธนาคาร
- ล็อกอินโพรไฟล์ เมื่อถึงหน้าชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า เลือก ชำระเงินสดที่ธนาคาร
- พิมพ์ใบแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ที่ระบุเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID และ เลขที่อ้างอิง CGI ที่ต้องนำไปใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคาร
- พิมพ์ใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากระบบก่อน ธนาคารจะดำเนินการรับชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าด้วยใบนำฝากเงินของธนาคาร นำทั้งสองรายการไปชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคาร
- นำใบแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าสหรัฐฯ และ ใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั้งสองรายการไปชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคาร โดยแจ้งเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID และ เลขที่อ้างอิง CGI ในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ธนาคาร หากไม่มีเลขที่อ้างอิงดังกล่าว หรือ ชำระจำนวนเงินไม่ถูกต้อง ผู้สมัครจะไม่สามารถทำการนัดสัมภาษณ์ได้
- ใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยามี 2 ส่วน หลังจากธนาคารรับชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะคืนสำเนาใบฝากเงิน (ส่วนของลูกค้า พร้อมตราประทับ)กรุณาเก็บไว้เป็นหลักฐาน ธนาคารไม่สามารถออกฉบับใหม่ได้หากสูญหาย ผู้สมัครจะไม่สามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หากไม่มีสำเนาใบฝากเงินฉบับนี้
- เมื่อผู้สมัครชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว สามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ตามตารางระยะเวลาที่ผู้สมัครสามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้วด้านล่าง กรุณาล็อกอินเข้าโพรไฟล์ของคุณในระบบเพื่อทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าของคุณด้วยเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID
คลิก ที่นี่ สำหรับใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
คำเตือน: ใบคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่ามีวันหมดอายุ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอาจมีการเปลี่ยนแปลง หากใบคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าหมดอายุก่อนที่ผู้สมัครจะได้ทำการชำระเงิน กรุณากลับมาที่ระบบใหม่และเลือกลิงค์ด้านล่างเพื่อพิมพ์ใบคำแนะนำในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าใหม่ ธนาคารจะไม่รับชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าหากคำแนะนำในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าของผู้สมัครหมดอายุ ผู้สมัครจะได้รับสำเนาใบฝากเงิน ส่วนของลูกค้า พร้อมตราประทับใช้แทนใบเสร็จรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุณาเก็บรักษาสำเนาใบฝากเงิน ส่วนของลูกค้านี้ไว้ เพื่อนำเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID ในใบเสร็จรับเงินมาทำนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าต่อไป หากสูญหาย ธนาคารไม่สามารถออกใบใหม่ให้ได้
ทำการนัดหมายวันสัมภาษณ์วีซ่า
ผู้สมัครทำนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ทาง ออนไลน์ หรือ เจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์ โดยใช้เลขที่อ้างอิง Virtual Account ID เพื่อทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า
ตารางแสดงระยะเวลาที่ผู้สมัครสามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว
ระยะเวลาที่ผู้สมัครสามารถทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าแล้ว | |
เวลาชำระค่าธรรมเนียม – โอนเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFT)
(จันทร์ถึงศุกร์ ไม่รวมวันหยุด) |
กำหนดเวลาที่เข้าไปทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ |
เริ่มวันจน 14:00 น. | 2 วันถัดไป: หลัง 12:00 น. |
เวลาชำระค่าธรรมเนียม – ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จันทร์ถึงศุกร์ ไม่รวมวันหยุด) | กำหนดเวลาที่เข้าไปทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่าได้ |
ทุกเวลา ณ สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา | วันทำการถัดไป หลัง 12:00 น. |
ข้อจำกัดของการเปลี่ยนแปลงนัดสัมภาษณ์วีซ่า
ระบบของสถานทูตจะให้ผู้สมัครทำการนัดและเปลี่ยนแปลงนัดสัมภาษณ์วีซ่า ได้ทั้งสิ้น 3 ครั้ง โปรดวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการสมัครขอวีซ่าใหม่ซ้ำ
VISA TIP
ผู้สมัครวีซ่าที่มีสัญชาติไทย และมีนัดสัมภาษณืวีซ่าประเภท F, H, L หรือ R ต้องนำเงินสดหรือบัตรเครดิตติดตัวมาด้วยในวันสัมภาษณ์วีซ่า เพื่อชำระค่าหลักปฏิบัติต่างตอบแทน (Reciprocity Fee)
Visa Class | Reciprocity Fee |
F Visas | $40 |
H1/B Visas | $10 |
L Visas | $10 |
R Visas | $10 |
สถานที่ยื่นวีซ่า สัมภาษณ์ และพิมพ์ลายนิ้วมือ
สถานทูตอเมริกา กรุงเทพฯ ประเทศไทย แผนกกงสุล
- ที่อยู่: 95 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ประเทศไทย8
- แฟกซ์: +66 2 254 1171
- เว็บไซต์: http://th.usembassy.gov/
- อีเมล: visasbkkiv@state.gov
สถานกงสุล จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย
- ที่อยู่: 387 ถนนวิชยานนท์ ต.ช้างม่อย อ.เมือง เชียงใหม่ 50300
- แฟกซ์: +66 53 234 472
- เว็บไซต์: https://th.usembassy.gov/embassy-consulate/chiang-mai/
การติดตามสถานะหนังสือเดินทางและสถานที่รับหนังสือเดินทาง
หากสถานทูต หรือ สถานกงสุล พิจารณาออกวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐฯ ให้กับผู้สมัคร บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด จะทำการจัดส่งหนังสือเดินทางที่มีหน้าวีซ่าให้ผู้สมัคร โดยจะทำการจัดส่งตามที่อยู่ที่ได้เลือกไว้ตอนที่ทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า
โปรดทราบว่า ที่ทำการไปรษณีย์จะเก็บหนังสือเดินทางของผู้สมัครไว้ 7 วันเท่านั้น หากไม่มีผู้รับในการจัดส่งครั้งแรก บริษัทไปรษณีย์ไทย จะทิ้งใบแจ้งเตือนให้ผู้สมัครติดต่อให้ทำการจัดส่งเป็นครั้งที่สอง หรือ ผู้สมัครอาจนำใบแจ้งเตือนมารับภายใน 7 วัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่ระบุไว้ในใบแจ้งเตือนนั้นก่อนเวลา 16.30 น. หากผู้สมัครไม่มารับหนังสือเดินทางภายใน 7 วัน หนังสือเดินทางจะถูกส่งไปที่ ที่ทำการไปรษณีย์รองเมือง (สำหรับผู้สัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯกรุงเทพฯ) หรือ ที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่ (สำหรับผู้สัมภาษณ์วีซ่าที่สถานกงสุลเชียงใหม่) ในวันจัดส่งที่ 8 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อผู้สมัครเป็นครั้งสุดท้าย หากยังไม่มีผู้รับ หนังสือเดินทางจะถูกส่งคืน สถานทูต หรือ สถานกงสุล ที่ผู้สมัครยื่นสมัครวีซ่าในวันจัดส่งที่ 15 ต่อไป
**หากผู้สมัครเดินทางมารับหนังสือเดินทาง ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ผู้สมัครสามารถรับหนังสือเดินทางได้ก่อนเวลา 16.30 น. เท่านั้น**
ติดตามสถานะวีซ่า
ผู้สมัครสามารถติดตามสถานะใบยื่นคำร้องขอวีซ่าได้ที่นี่website.
เปลี่ยนที่อยู่จัดส่งหนังสือเดินทาง
ผู้สมัครสามารถทำการเปลี่ยนที่อยู่ในจัดส่งหนังสือเดินทางของตนเอง ออนไลน์ หรือผ่าน เจ้าหน้าที่คอลเซนเตอร์ ภายในเที่ยงของวันทำการก่อนหน้าวันนัดหมายสัมภาษณ์จริง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกา
ข้อกำหนดทางด้านการเงิน
นักเรียนต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อในสหรัฐอเมริกาจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงิน เพื่อยืนยันว่านักเรียนจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะสนับสนุนค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าหนังสือเรียน ค่าที่พัก ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
จำนวนเงินที่จะต้องยื่นนั้นขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่เรียน ระยะเวลาการเรียน สถาบันที่สมัครเรียน และค่าครองชีพในเมืองหรือรัฐๆนั้น นักเรียนจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินแก่สถาบันการศึกษาตั้งแต่ตอนที่สมัครเรียนและต้องเตรียมสำหรับการยื่นวีซ่านักเรียนด้วย
ตัวอย่างการคำนวณยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องแจ้งสถานทูต
น้องไบร์ทต้องการเรียนหลักสูตร English as a Second Language Program (ESL) ที่ Murray State University รัฐเคนทักกี ระยะเวลาเรียน 6 เดือน สามารถคำนวณยอดเงินขั้นต่ำได้ดังนี้
ตารางแสดงวิธีการคำนวณหลักฐานการเงิน คอร์สเรียนระยะเวลา 6 เดือน ระยะเวลาวีซ่า 8 เดือน |
||
รายการ | เงินดอลลาร์สหรัฐ | เงินบาท |
ค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าอุปกรณ์การเรียน | US$7,057 | 225,824 บาท |
ค่าครองชีพในรัฐเคนทักกี ($1,310.5 x 8 เดือน) | US$1,310.5 x 8 = US$10,484 | 335,488 บาท |
ค่าครองชีพของผู้ติดตาม | ||
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-เคนทักกี | US$2,000 | 64,000 บาท |
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | US$1,500 | 48,000 บาท |
รวมยอดเงินที่ต้องแสดง | US$21,041 | 673,312 บาท |
น้องวินต้องการเรียนหลักสูตร Master of Architecture ที่ Massachusetts Institute of Technology เมือง Cambridge รัฐ Massachusetts ระยะเวลา 2 ปี น้องวินต้องแสดงหลักฐานทางการเงินสำหรับปีการศึกษาแรกดังนี้
ตารางแสดงวิธีการคำนวณหลักฐานการเงินในปีการศึกษาแรก |
||
รายการ |
เงินดอลลาร์สหรัฐ | เงินบาท |
ค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าอุปกรณ์การเรียน | US$53,450 | 1,710,400 บาท |
ค่าธรรมเนียมกิจกรรมนักศึกษาต่อปี | US$340 | 10,880 บาท |
ค่าที่พักแบบ Housing (on-campus) | US$8,253 | 264,096 บาท |
ค่าอาหาร (on-campus) | US$5,000 | 160,000 บาท |
ค่าประกันสุขภาพ | US$3,269 | 104,608 บาท |
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-แคมบริดจ์ | US$2,000 | 64,000 บาท |
รวมยอดเงินที่ต้องแสดง | US$72,312 | 2,313,984 บาท |
หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณคือ US$ 1 มีค่าประมาณ 32 บาท
เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกามีขนาดพื้นที่ใหญ่มากทำให้ค่าครองชีพแตกต่างกันในแต่ละเมือง และมีหลักสูตรคอร์สเรียนที่หลากหลายจากหลายสถาบันการศึกษาให้เลือกเรียน นักเรียนที่สนใจศึกษาต่อประเทศสหรัฐอเมริกาสามารถศึกษาข้อมูลค่าเรียนและค่าครองชีพเพิ่มเติมได้จากหน้าเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษาที่ตนเองสนใจเรียนต่อ
ผู้ติดตาม
คู่สมรสและ/หรือบุตรที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี (ที่มีสถานภาพโสด) สามารถขอวีซ่าเพื่อติดตามผู้ถือวีซ่าหลักไปพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ แต่อย่างไรก็ดี โปรดทราบว่าผู้ปกครองของผู้ถือวีซ่าประเภท F หรือ M จะไม่มีสิทธิ์ในการขอวีซ่าติดตามนี้ได้
สมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้มีความประสงค์จะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริการ่วมกับผู้ถือวีซ่าหลัก แต่ต้องการไปเยี่ยมเพียงเพื่อการพักผ่อนเท่านั้น สามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าเยี่ยมเยียน (B-2) ได้
คู่สมรสและผู้ติดตามจะไม่สามารถทำงานระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ขณะที่ถือวีซ่าผู้ติดติดตามประเภท F หรือ M ในกรณีที่คู่สมรส/บุตรของคุณมีความประสงค์จะทำงาน จะต้องขอยื่นขอวีซ่าสำหรับการทำงานให้ถูกประเภท
เอกสารประกอบในการยื่นคำร้องขอวีซ่าสำหรับผู้ติดตาม
ผู้สมัครที่มีผู้ติดตามต้องแสดงเอกสารดังต่อไปนี้
- หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือวีซ่านักเรียนกับคู่สมรสและ/หรือบุตร (เช่น ใบสำคัญการสมรสและสูติบัตร)
- โดยทั่วไปสมาชิกในครอบครัวควรเลือกยื่นคำร้องขอวีซ่าพร้อมกัน แต่ในกรณีที่คู่สมรสและ/หรือบุตรต้องยื่นคำร้องเองในภายหลัง คู่สมรสและ/หรือบุตรควรนำสำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่าของผู้ถือวีซ่านักเรียนหลักติดตัวมาพร้อมกับเอกสารที่กำหนดไว้ทั้งหมดอื่นๆด้วย
ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกา
การฝึกอบรมวิชาชีพ
ผู้ถือวีซ่าประเภท F-1 สามารถเข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพเพิ่มเติมได้สูงสุด 12 เดือนหลังจบหลักสูตรที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว (ไม่รวมถึงวิทยานิพนธ์หรือเทียบเท่า) หรือหลังดำเนินการตามข้อกำหนดทั้งหมดแล้ว การฝึกอบรมวิชาชีพหรือ OPT นั้นจะแยกออกจากการศึกษาทางด้านวิชาการของนักเรียน และโดยทั่วไปแล้วเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม จะไม่ถูกรวมอยู่ในวิชาเรียนของนักเรียนตลอดจนจะไม่ถูกรวมอยู่ในวันสิ้นสุดการเรียน นักเรียนที่ยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F เพื่อทำ OPT จะสามารถใช้แบบฟอร์ม I-20 ที่ระบุวันสุดท้ายของการเรียนที่ได้ผ่านมาแล้วประกอบการยื่นคำร้อง ทั้งนี้แบบฟอร์ม I-20 ดังกล่าวจะต้องมีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในโรงเรียนระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการอนุมัติโครงการ OPT ที่จะยืดเวลาออกไปหลังจากเวลาเรียนปกติสิ้นสุดลงแล้วด้วย นอกจากนี้ นักเรียนยังต้องมีหลักฐานยืนยันว่าสำนักงาน USCIS ได้อนุมัติโครงการฝึกอบรมวิชาชีพแล้ว หรือกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยการแสดงบัตรอนุญาตทำงานหรือแบบฟอร์ม I-797 ซึ่งจะแสดงว่านักเรียนคนดังกล่าวกำลังอยู่ในกระบวนการสมัครโครงการ OPT
อายุการใช้งานของวีซ่านักเรียน ในกรณีที่หยุดเรียนชั่วคราว
นักเรียนที่ไม่ได้เข้าเรียนเป็นเวลามากกว่าห้าเดือนจะต้องยื่นคำร้องขอวีซ่าประเภท F-1 หรือ M-1 ใหม่ได้ เพื่อกลับเข้าไปเรียนอีกครั้งหลังจากเดินทางไปต่างประเทศ ตามรายละเอียดที่ดังต่อไปนี้
นักเรียนที่ยังอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าเมือง นักเรียน (F-1 หรือ M-1) สามารถเสียสถานภาพการเป็นนักเรียนได้หากไม่กลับเข้าเรียนต่อภายในห้าเดือนนับจากวันที่ได้ย้ายโรงเรียนหรือเปลี่ยนโครงการ ในกรณีที่เสียสถานภาพการเป็นนักเรียนวีซ่าประเภท F หรือ M ที่มีอยู่ก็จะไม่สามารถใช้เดินทางกลับเข้ามายังประเทศสหรัฐอเมริกาในอนาคตได้อีก ยกเว้นในกรณีที่สำนักงานUSCIS คืนสถานภาพให้ ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอขยาย/เปลี่ยนแปลงสถานะชั่วคราวแบบฟอร์ม I-539 เพื่อขอให้ต่อสถานะได้ที่เว็บไซต์ USCIS
นักเรียนที่เดินทางจากต่างประเทศเพื่อกลับมายังสหรัฐอเมริกา
นักเรียนที่เดินทางออกจากสหรัฐอเมริการะหว่างหยุดพักเรียนเป็นเวลาห้าเดือนขึ้นไปอาจเสียสถานภาพ F-1 หรือ M-1 ได้ เว้นแต่ในกรณีที่กิจกรรมที่ปฏิบัติหรือเข้าร่วมระหว่างอยู่ต่างประเทศนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียน ก่อนการเดินทางนักเรียนควรติดต่อผู้มีอำนาจของโรงเรียนก่อนเพื่อตรวจสอบว่ากิจกรรมที่คุณตั้งใจจะไปปฏิบัติหรือเข้าร่วมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียนหรือไม่
หากนักเรียนที่เดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาและขาดเรียนนานกว่า 5 เดือน เดินทางกลับมาขอเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าประเภท F-1 หรือ M-1 ที่เคยใช้มาก่อนและยังไม่หมดอายุ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ สามารถตัดสินว่าบุคคลนั้นไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศเนื่องจากไม่มีวีซ่าชั่วคราวที่ใช้งานได้อยู่ หรือหากเจ้าหน้าที่อนุญาตให้นักเรียนคนดังกล่าวยกเลิกการขอเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการยกเลิกวีซ่าตัวนั้น ดังนั้นนักเรียนควรมีความรอบคอบเป็นอย่างยิ่งในการยื่นคำร้องขอวีซ่าใหม่ที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาในต่างประเทศก่อนเดินทางกลับเข้ามายังสหรัฐอเมริกาเพื่อเรียนต่อ หลังจากที่ได้ขาดเรียนมาเกินห้าเดือนด้วยเหตุผลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียน
รูปถ่ายและการบันทึกลายนิ้วมือ
- ข้อมูลทั่วไป
- ในขั้นตอนการยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว ผู้สมัครต้องแนบไฟล์รูปถ่ายดิจิตอลที่ได้ถ่ายไว้ภายในระยะเวลาไม่เกินหกเดือนในขั้นตอนการกรอกและยื่นแบบฟอร์ม DS-160 โดยจะต้องนำรูปถ่ายตัวจริงติดตัวไปในวันสัมภาษณ์วีซ่าด้วย และจะต้องผ่านการบันทึกลายนิ้วมือเมื่อมาถึงสถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกา
- ข้อกำหนดเกี่ยวกับรูปถ่ายดิจิตอล
- รูปถ่ายที่ใช้ในการยื่นคำร้องขอวีซ่าจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ทุกประการทั้งขนาดและสิ่งที่ปรากฏในรูป การยื่นรูปถ่ายที่ขาดคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้อาจมีผลให้กระบวนการยื่นคำร้องขอวีซ่าของท่านล่าช้า รูปถ่ายที่แนบมากับแบบฟอร์ม DS-160 จะต้องเป็นรูปที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือน และจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามแนวทางที่ปรากฏในภาพด้านล่าง
- ขนาดศีรษะ
- ความสูงของศีรษะ เมื่อวัดจากด้านบนสุดของศีรษะซึ่งรวมผมด้วยจนถึงใต้คางจะต้องอยู่ระหว่าง 50% ถึง 70% ของความสูงของรูปถ่ายทั้งหมด ระดับดวงตาที่วัดจากด้านล่างสุดของรูปถ่ายจนถึงระดับดวงตาควรอยู่ระหว่าง 55% ถึง 70% – หรือประมาณ 2/3 ของความสูงของรูปถ่าย
- ขนาดของรูปถ่าย
- รูปถ่ายของท่านต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งหมายความว่าความสูงและความกว้างของรูปจะต้องเท่ากัน รูปถ่ายต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 600 พิกเซล x 600 พิกเซล (สูง x กว้าง) และมีขนาดไม่เกิน 1200 พิกเซล x 1200 พิกเซล (สูง x กว้าง)
7 ขั้นตอนเพื่อให้ได้รูปถ่ายที่ถูกต้อง
- ทิศทางของศีรษะ ทิศทางของศีรษะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรูปถ่ายที่ใช้ในการสมัครขอวีซ่า ผู้สมัครจะต้องใช้รูปถ่ายที่สามารถมองเห็นใบหน้าเต็มได้ภายในกรอบของรูป มองกล้องตรงๆ และอย่าหลับตา
- จัดองค์ประกอบให้ดี รูปถ่ายจะต้องแสดงทั้งศีรษะตั้งแต่ด้านบนสุดของผมจนถึงบริเวณใต้คาง ในภาพที่ถูกต้องความสูงของศีรษะจะอยู่ที่ 1-1-3/8 นิ้ว (25 ถึง 35 มม.) หรือคิดเป็น 50%-70% ของรูปถ่าย ดังตัวอย่าง:
- อยู่ตรงกลางของรูป จัดศีรษะให้อยู่ตรงกลางระหว่างกรอบรูปทั้งสองด้านอย่างพอดี
- ลืมตา ดวงตาควรอยู่ในระดับ 2/3 เมื่อวัดจากด้านล่างของรูปถ่ายขึ้นไปด้านบน หรือ 1-1/8 นิ้ว ถึง 1-3/8 นิ้ว (28 มม. ถึง 35 มม.) หรือประมาณ 60% จากด้านล่างของรูปถ่าย
- พื้นหลัง พื้นที่ด้านหลังรูปถ่ายควรเป็นสีขาวและไม่ควรมีสิ่งใดระเกะระกะ นั่งถ่ายรูปโดยใช้ฉากหลังที่เป็นสีขาวจะช่วยให้ได้รูปที่ดีที่สุด
- อย่าให้ภาพมีเงา ควรนั่งลงเพื่อให้ใบหน้าดูสว่างและจะช่วยให้ไม่เกิดเงาบนใบหน้าหรือพื้นหลัง
- ทำตัวตามสบายและให้ดูเป็นธรรมชาติ ควรแสดงสีหน้าอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อถ่ายรูป ดังตัวอย่างที่แสดงไว้ที่นี่
***อย่าสวมหมวกหรือสิ่งคลุมศีรษะที่เป็นการปกปิดผมหรือแนวผมยกเว้นในกรณีที่ผู้สมัครสวมใส่ทุกวันภายใต้ข้อกำหนดทางศาสนา ในรูปถ่ายจะต้องมองเห็นทั้งใบหน้าเต็มและสิ่งปิดคลุมศีรษะจะต้องไม่ทำให้เกิดเงาบนใบหน้า
การบันทึกลายนิ้วมือ
ผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าจะต้องผ่านการบันทึกลายนิ้วมือที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกา ในระหว่างขั้นตอนการสัมภาษณ์วีซ่า โดยจะมีการบันทึกลายนิ้วมือด้วยเครื่องบันทึกลายนิ้วมือดิจิตอล ทั้งนี้ผู้สมัครบางรายอาจจะไม่ต้องทำการบันทึกลายนิ้วมือ ซึ่งได้แก่:
- ผู้สมัครที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจราชการของรัฐบาล ยกเว้นผู้สมัครวีซ่าประเภท A-3 และ G-5
- ผู้สมัครที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี หรืออายุเกิน 79 ปี
ที่มา:
- https://www.ustraveldocs.com/
- https://travel.state.gov/
- https://th.usembassy.gov/
- https://gradadmissions.mit.edu/costs-funding/expenses
- https://www.impeloverseas.com/
ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม
เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบ ด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”
บริการของเรามีอะไรบ้าง ?
- ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก เราให้คำแนะนำในการเรียนต่อต่างประเทศ ทุกระดับชั้น ทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
- เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
- บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า : เป้าหมายของเราคือต้องการให้ลูกค้าทุกท่านประสบความสำเร็จ
- บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 ด้วยราคามิตรภาพ เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
- บริการสมัครสอบ IELTS เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
- บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
- บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
- บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล
สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร: 090-327 3558, 088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line: @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ