Your search results

ข้อมูลประเทศสหรัฐอเมริกา

ประเทศสหรัฐอเมริกา

(United States of America)


สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States of America) โดยทั่วไปเรียก สหรัฐ (United States) หรือ อเมริกา (America) เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐ ประกอบด้วยรัฐ 50 รัฐ และหนึ่งเขตปกครองกลาง ห้าดินแดนปกครองตนเองสำคัญ และเกาะเล็กต่าง ๆ โดย 48 รัฐและเขตปกครองกลางตั้งอยู่ ณ ทวีปอเมริกาเหนือระหว่างประเทศแคนาดาและเม็กซิโก รัฐอะแลสกาอยู่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ มีเขตแดนติดต่อกับประเทศแคนาดาทางทิศตะวันออกและข้ามช่องแคบเบริงจากประเทศรัสเซียทางทิศตะวันตก และรัฐฮาวายเป็นกลุ่มเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกกลาง ดินแดนของสหรัฐกระจายอยู่ตามมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลแคริบเบียน ครอบคลุมเขตเวลาเก้าเขต ภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศและสัตว์ป่าของประเทศหลากหลายอย่างยิ่ง

ภูมิศาสตร์ 

อเมริกามีพื้นที่ขนาด 9.8 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 326 ล้านคน ทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกและมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เป็นประเทศซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม และเป็นที่พำนักของประชากรเข้าเมืองใหญ่สุดในโลก การมีลักษณะแบบเมืองทะยานเกิน 80% ในปี 2010 และนำสู่มหภาค (megaregion) ที่เติบโตขึ้น เมืองหลวงของประเทศ คือ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และนครใหญ่สุดคือ นครนิวยอร์ก  นอกจากนี้มีประชากรราว 318,892,103 คน (ประมาณการณ์โดย U.S. Census ณ เดือนมกราคม ปี 2557)

สภาพภูมิอากาศ 

สภาพอากาศโดยรวมในสหรัฐอเมริกา (USA) อยู่ในระดับปานกลางโดยมีข้อยกเว้นที่น่าสังเกต อะแลสกามีสภาพอากาศแบบทุนดราแบบอาร์กติกในขณะที่ฮาวายและฟลอริดาตอนใต้มีอากาศร้อนชื้น ทางตะวันออกของเส้นเมอริเดียนที่ 100 ลักษณะอากาศมีตั้งแต่ภาคพื้นทวีปชื้นทางเหนือถึงกึ่งเขตร้อนชื้นทางใต้ที่ราบใหญ่ทางตะวันตกของเส้นเมอริเดียนที่ 100 เป็นกึ่งแห้งแล้ง เขาทางตะวันตกส่วนใหญ่มีลักษณะอากาศแบบแอลป์ ลักษณะอากาศเป็นแบบแห้งแล้งในแอ่งใหญ่ ทะเลทรายในภาคตะวันตกเฉียงใต้ เมดิเตอร์เรเนียนในรัฐแคลิฟอร์เนียชายฝั่ง และภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทรในชายฝั่งรัฐออริกอนและรัฐวอชิงตัน และทางใต้ของรัฐอะแลสกา รัฐอะแลสกาส่วนใหญ่เป็นแบบกึ่งอาร์กติกหรือขั้วโลก รัฐฮาวายและปลายใต้สุดของรัฐฟลอริดามีลักษณะอากาศแบบเขตร้อน เช่นเดียวกับดินแดนที่มีประชากรอยู่อาศัยในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิก ในรัฐที่ติดอ่าวเม็กซิโกที่มีความเสี่ยงเกิดพายุเฮอร์ริเคน และทอร์เนโดส่วนใหญ่ของโลกเกิดในประเทศนี้ โดยเกิดในบริเวณตรอกทอร์เนโดแถบตะวันตกกลางและภาคใต้เป็นหลัก

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มากสภาพอากาศและสภาพอากาศอาจแตกต่างกันไปตามฤดูกาล

  • ฤดูร้อน: เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม (ในช่วงฤดูร้อนรัฐทางตอนเหนือมีอากาศอบอุ่นแม้จะมีอากาศร้อนจัดในตอนเช้าและกลางคืนจะมีอากาศที่เย็นกว่า ในเวลาเดียวกันนั้นรัฐทางใต้เป็นพื้นที่เขตร้อนจะมีอุณหภูมิที่ร้อนจัด)
  • ฤดูใบไม้ร่วง: เดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน (ในฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิจะเริ่มมีอากาศเย็นลงทั่วประเทศ ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูต้อนรับในภาคเหนือที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงเหลืองและส้ม อย่างสวยงาม)
  • ฤดูหนาว: เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ (ฤดูหนาวอากาศค่อนข้างอบอุ่นในรัฐทางใต้ในเวลาเดียวกันทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมิดเวสต์ภูเขาตะวันตกและบริเวณ Great Plains มักจะพบกับหิมะและอุณหภูมิที่หนาวเย็นกว่า)
  • ฤดูใบไม้ผลิ: เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม (ในช่วงฤดูใบไม้ผลิอุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้นและมักจะมีพายุฝนฟ้าคะนองและพายุฝนทั่วประเทศในช่วงฤดูร้อน)

โซนเวลา 

สหรัฐอเมริกาและดินแดนของตนดำเนินการภายใต้เขตเวลาเก้าโซนต่อไปนี้ (มีเพียงสี่เขตที่ใช้กับสหรัฐอเมริกาในภาคพื้นทวีป):

  • เวลาแอตแลนติก (AST) – เปอร์โตริโกหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา
  • เวลามาตรฐานตะวันออก (EST)
  • เวลามาตรฐานกลาง (CST)
  • เวลามาตรฐานภูเขา (MST)
  • เวลามาตรฐานแปซิฟิก (PST)
  • เวลามาตรฐานของอะแลสกา (AKST)
  • เวลาฮาวาย – อะลูเชียน (HAST)
  • เวลามาตรฐานซามัว (SST) – อเมริกันซามัวหมู่เกาะมิดเวย์
  • เวลามาตรฐานชามอร์โร (ChST) – กวมหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา

เวลาออมแสง (Daylight Saving Time)

สหรัฐอเมริกาใช้เวลาออมแสง สุภาษิต “สปริงไปข้างหน้าถอยกลับ” ใช้กับเวลาออมแสง นาฬิกาจะตั้งล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมงในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนาคมและย้อนกลับหนึ่งชั่วโมงในวันอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน แอริโซนาฮาวายและดินแดนในอเมริกันซามัวกวมหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาเปอร์โตริโกและหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกาไม่เป็นไปตามเวลาออมแสง

ข้อมูลประเทศอเมริกา

การเมืองการปกครอง

สหรัฐอเมริกาเป็นสาธารณรัฐตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาลกลางซึ่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (ประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล) รัฐสภาและอำนาจตุลาการแบ่งปันที่สงวนไว้ให้กับรัฐบาลแห่งชาติและรัฐบาลกลางแบ่งปันอำนาจอธิปไตยกับรัฐบาลของรัฐ

รัฐและดินแดน (State and Territory)

​สหรัฐอเมริกา หรือ United States of America (USA) เป็นสหพันธรัฐที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยอิงกับรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย 50 รัฐ และ 1 เขตปกครองพิเศษ  มีรายละเอียดดังนี้

ข้อมูลประเทศอเมริกา

รายละเอียด 6 ภูมิภาค ได้แก่

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • รัฐคอนเนตทิคัต (Connecticut) เป็นรัฐทางตะวันออก ในสหรัฐอเมริกาอยู่ในเขตนิวอิงแลนด์ เมืองหลวงของคอนเนตทิคัตคือ ฮาร์ตฟอร์ด ชื่อของคอนเนตทิคัต มาจากชื่อของอินเดียนแดงเผ่าโมฮีแกน จากคำว่า “Quinnehtukqut” หมายถึง ดินแดนแห่งแม่น้ำสายยาว
  • รัฐเดลาแวร์ (Delaware) เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ รัฐเดลาแวร์ เป็นรัฐที่เล็กอันดับ 2 ของรัฐทั้งหมดรองจากรัฐโรดไอแลนด์ เมืองหลวงของรัฐเดลาแวร์คือ โดเวอร์ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของรัฐ เดลาแวร์เป็น 1 ใน 13 รัฐแรกของสหรัฐอเมริกา และรัฐเดลาแวร์นี้ เป็นรัฐที่ก่อตั้งเป็นรัฐแรกของสหรัฐอเมริกา
  • รัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) เป็นรัฐหนึ่งในเขตนิวอิงแลนด์ ในสหรัฐอเมริกา มีมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ มหาวิทยาลัยทัฟส์ ประกอบไปด้วย 50 เมืองขนาดใหญ่ และ 301 เมืองขนาดเล็กใน 14 เคาน์ตี เมืองขนาดใหญ่ในรัฐได้แก่ บอสตัน สปริงฟิลด์ วูสเตอร์ โลเวลล์ บล็อกตัน และเคมบริดจ์นิวแฮมป์เชียร์
  • รัฐนิวเจอร์ซีย์ (New Jersey) เป็นรัฐในสหรัฐอเมริกาที่มีความหนาแน่นประชากรมากที่สุด ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ โดยอยู่ติดกับรัฐนิวยอร์ก ชื่อนิวเจอร์ซีย์มาจากชื่อของเกาะเจอร์ซีย์ บริเวณช่องแคบอังกฤษในยุโรป ชื่อเล่นของรัฐมีชื่อว่า “การ์เดนสเตต” ชาวยุโรปกลุ่มแรกที่ตั้งรกรากในนิวเจอร์ซีย์คือ ชาวสวีเดน และชาวเยอรมัน
  • รัฐเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) เป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา รัฐเพนซิลเวเนียเป็นรัฐหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาเกี่ยวข้องที่สุดรัฐหนึ่ง เป็นที่ประกาศอิสรภาพของอเมริกา โดยมีฟิลาเดลเฟียเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของสหรัฐอเมริกาก่อนการจัดตั้งวอชิงตัน ดีซี โรดไอส์แลนด์
  • รัฐเวอร์มอนต์ (Vermont) เป็นรัฐในสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ อยู่ในเขตนิวอิงแลนด์ ในอดีตรัฐเวอร์มอนต์เป็นที่อยู่อาศัยของอินเดียนแดงเผ่าอิโรควอยส์ เผ่าอัลกอนเควียน และเผ่าอเบนากิ โดยทางฝรั่งเศสได้ยึดครองมาในช่วงตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา และได้เสียให้กับอังกฤษในช่วงสงครามในเวลาต่อมา

ตะวันออกเฉียงใต้

  • รัฐแอละแบมา (Alabama) เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “หัวใจของดิกซี่” และ “รัฐฝ้าย” ต้นไม้ประจำรัฐคือไม้สน และมีดอกไม้ประจำรัฐคือดอกคาเมเลีย แอละแบมามีเมืองหลวงคือนครมอนต์กอเมอรี มีเมืองที่ประชากรอาศัยมากที่สุดคือเมืองเบอร์มิ่งแฮม[9]โดยเป็นเมืองที่มีประวัติทางด้านอุตสาหกรรมมายาวนาน ส่วนเมืองที่เก่าแแก่ที่สุดคือเมืองฮันทส์วิลล์ และเมืองที่เก่าแก่ที่สุดคือเมืองโมบายล์ สร้างขึ้นโดยอาณานิคมฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2245 โดยถือเป็นเมืองหลวงของลุยเซียน่า
  • รัฐอาร์คันซอ (Arkansas) เป็นรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา มีประชากร 2,752,629 (สัมมโนปี พ.ศ. 2547) อาร์คันซอเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 25 ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2379 (ค.ศ. 1836) อาร์คันซอเป็นชื่อที่ตั้งจากชาวฝรั่งเศสในช่วงที่บุกเบิกดินแดน ซึ่งมีความหมายว่า “ปลายน้ำ”
  • รัฐฟลอริดา (Florida) เป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐอเมริกา ทิศตะวันตกติดต่อกับอ่าวเม็กซิโก ทิศเหนือติดต่อกับรัฐแอละแบมา และรัฐจอร์เจีย ทิศตะวันออกติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศใต้ติดต่อกับช่องแคบฟลอริดา รัฐฟลอริดาเป็นรัฐที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 และหนาแน่นมากเป็นอันดับ 8 ในสหรัฐอเมริกา
  • รัฐจอร์เจีย (Georgia) เป็นรัฐตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มีรหัสไปรษณีย์ว่า จอร์เจียได้เป็น 1 ใน 13 รัฐที่ต่อต้านการปกครองของบริติช ในช่วงสมัย การปฏิวัติอเมริกา ในปัจจุบัน จอร์เจียมีประชากร 8,186,453 คน และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในรัฐที่มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • รัฐลุยเซียนา (Louisianan) เป็นรัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีลักษณะผสมผสานของวัฒนธรรมฝรั่งเศส ซึ่งในรัฐลุยเซียนามีการใช้ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส เป็นภาษาทางการของรัฐ ถึงแม้ว่าภาษาฝรั่งเศสจะมีใช้เพียงประมาณ 5% เมืองสำคัญของรัฐคือ นิวออร์ลีนส์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในรัฐ ในขณะที่เมืองหลวงของรัฐคือ แบตันรูช
  • รัฐแมรี่แลนด์ (Maryland) เป็นรัฐอยู่ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเพนซิลเวเนีย เมืองหลวงของรัฐคือ แอนแนโพลิส เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐคือ บอลทิมอร์
  • รัฐมิสซิสซิปปี (Mississippi) เป็นรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ชื่อของรัฐมาจากชื่อแม่น้ำมิสซิสซิปปี ที่ไหลผ่านตลอดแนวตะวันตกของรัฐ โดยมีที่มาจากภาษาอินเดียนแดงมีความหมายถึง “แม่น้ำอันยิ่งใหญ่” เมืองหลวงของรัฐคือ แจ็กสัน
  • รัฐมิสซูรี (Missouri) เป็นรัฐที่อยู่ทางตอนกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา ล้อมรอบด้วยรัฐไอโอวา อิลลินอยส์ เคนทักกี เทนเนสซี อาร์คันซอ โอคลาโฮมา แคนซัส และเนแบรสกา มิสซูรีเป็นรัฐที่มีจำนวนประชากรเป็นอันดับที่ 18 ของประเทศ ประกอบด้วย 114 เคาน์ทีและ 1 เมืองอิสระ เมืองหลวงของรัฐคือ เจฟเฟอร์สัน ซิตี้ เมืองขนาดใหญ่ของรัฐเรียงตามลำดับ คือ เซนต์หลุยส์ แคนซัสซิตี สปริงฟิลด์ และโคลัมเบีย
  • รัฐนอร์ทแคโรไลนา (North Carolina) เป็นรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก เมืองหลวงของรัฐคือ ราลี และเมืองที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ชาร์ลอตต์ แชเปลฮิลล์ คอนคอร์ด และ เดอแรม
  • รัฐเซาท์แคโรไลนา (South Carolina) เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก ชื่อของรัฐตั้งตั้งตามชื่อของ พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ของอังกฤษ โดยคำว่า กาโรลุส (Carolus) เป็นภาษาละตินของคำว่า ชาลส์ (Charles) เมืองหลวงของรัฐ ชื่อ โคลัมเบีย และเมืองสำคัญอื่นคือ ชาร์ลสตัน
  • รัฐเทนเนสซี (Tennessee) เป็นรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ในสหรัฐอเมริกา ชื่อของรัฐเทนเนสซีถูกบันทึกครั้งแรกโดยฮวน ปาร์โด นักสำรวจชาวสเปน ภายใต้ชื่อ “Tanasqui” ในปี พ.ศ. 2110 (ค.ศ. 1567) เมืองสำคัญในรัฐเทนเนสซีได้แก่ แนชวิลล์เมืองหลวงของรัฐเทนเนสซี เมมฟิสบ้านเกิดของเอลวิส เพรสลีย์ และเมืองนอกซ์วิลล์
  • รัฐเวอร์จิเนีย (Virginia) เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศ เมืองหลวงของรัฐคือ ริชมอนด์ และเมืองที่ประชากรมากที่สุดคือ เวอร์จิเนียบีช เวอร์จิเนียเป็นรัฐที่มีภูมิทัศน์สวยงามมากเนื่องจากมีทั้งพื้นที่เป็นภูเขาและติดทะเล มีป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ รัฐเวอร์จิเนียติดต่อกับรัฐแมริแลนด์ วอชิงตัน ดี.ซี. และ มหาสมุทรแอตแลนติก ทางทิศตะวันออก ติดต่อกับ รัฐนอร์ทแคโรไลนา และรัฐเทนเนสซี ทางทิศใต้ ติดต่อกับรัฐเคนทักกี และ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ทางทิศตะวันตก เวอร์จิเนียประกอบไปด้วย 95 เคาน์ตี และ 39 เมืองอิสระ จุดสูงสุดในรัฐคือ เมาต์โรเจอส์ และจุดต่ำสุดในรัฐคือมหาสมุทรแอตแลนติก
  • กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington D.C.) เป็นเมืองหลวงของสหรัฐ ก่อตั้งขึ้นเมื่อภายหลังจากการปฏิวัติอเมริกา โดยชื่อ วอชิงตัน มาจากชื่อของจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีสหรัฐคนแรก และบิดาผู้ก่อตั้งประเทศคนหนึ่งวอชิงตันเป็นนครหลักนครหนึ่งของเขตมหานครวอชิงตัน (Washington Metropolitan Area) โดยมีประชากรที่อาศัยอยู่ในวอชิงตันจำนวนประมาณ 6,131,977 คน โดยวอชิงตันได้รับฉายาว่าเป็นเมืองหลวงทางการเมืองของโลก เวสต์เวอร์จิเนีย

มิดเวสต์

  • รัฐอิลลินอยส์ (Illinois) ตั้งอยู่ทางตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ชื่ออิลลินอยส์ตั้งโดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ตามชื่อกลุ่มชาวอินเดียนแดงที่เรียกตัวเองว่า อไลไนเว็ก เมืองหลวงของอิลลินอยส์คือ สปริงฟิลด์ เมืองที่มีชื่อเสียงในรัฐอิลลินอยส์ได้แก่ ชิคาโก รหัสย่อของรัฐอิลลินอยส์คือ IL อิลลินอยส์เป็นที่รู้จักในรัฐข้าวโพด เป็นที่ตั้งของเมืองชิคาโกอินเดียนา
  • รัฐไอโอวา (Iowa) เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกา อาณาเขตติดต่อกับรัฐอิลลินอยส์ทางด้านตะวันออก รัฐเนแบรสกาทางด้านตะวันตก รัฐมิสซูรีทางด้านใต้ รัฐมินนิโซตา รัฐวิสคอนซิน และรัฐเซาท์ดาโคตา ทางด้านเหนือ ไอโอวาเป็นที่รู้จักเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญของข้าวโพด หมู และน้ำมันเอทานอล
  • รัฐแคนซัส (Kansas) เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของสหรัฐอเมริกา อยู่ในเขตที่เรียกว่ามิดเวสต์ ชื่อของรัฐมาจากคำอินเดียนแดงว่า Kansa ซึ่งหมายถึง ผู้คนของลมใต้ รัฐแคนซัสเริ่มตั้งรกรากโดยชาวอเมริกันในช่วง คริสต์ทศวรรษ 1850 จากคนที่อพยพมาจากรัฐอื่น รัฐแคนซัสเคยเป็นส่วนหนึ่งของสงครามกลางเมืองอันยิ่งใหญ่ระหว่าง พวกกลุ่มผู้เลิกทาส กับกลุ่มที่ไม่ต้องการเลิกทาส ซึ่งเกิดการนองเลือดอย่างรุนแรงภายในรัฐ ในปัจจุบันรัฐแคนซัสเป็นรัฐที่มีอุตสาหกรรมการเกษตรอันดับต้นของประเทศ โดยผลผลิตหลักของรัฐคือ ข้าวสาลี (wheat) เมืองหลวงของแคนซัสชื่อ โทพีกา และเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐคือ วิชิทอ โดยแคนซัสซิตี ที่อยู่ในรัฐแคนซัสเป็นเมืองที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า เมืองแคนซัสซิตี ที่อยู่ในรัฐมิสซูรี
  • รัฐมิชิแกน (Michigan) เป็นรัฐตั้งอยู่บริเวณส่วนเหนือของสหรัฐอเมริกา โดยชื่อของรัฐมาจาก ชื่อทะเลสาบมิชิแกน ซึ่งตั้งโดยชาวอินเดียนแดงเผ่าชิปเปวา จากคำว่า มิชิ-กามิ ซึ่งหมายถึง น้ำอันกว้างใหญ่ รัฐมิชิแกนห้อมล้อมด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่ 4 ทะเลสาบในด้านเหนือ ด้านตะวันตกและด้านตะวันออก ทำให้รัฐมิชิแกนมีชายฝั่งทะเลน้ำจืดที่ยาวที่สุดอันดับสองในประเทศรองจากรัฐอะแลสกา ทำให้มิชิแกนมีกิจกรรมนันทนาการทางน้ำมากที่สุดอันดับต้นของประเทศ รัฐมิชิแกนเป็นรัฐเดียวในสหรัฐอเมริกาที่มีพื้นที่แยกออกจากกันเป็นสองฝั่ง โดยจุดเชื่อมระหว่างสองที่อยู่บริเวณ แมกคีนอก์ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของมิชิแกน และรัฐมิชิแกนมีเมืองที่สำคัญคือ ดีทรอยต์ ฟลินต์ วอลเลน แกรนด์แรพิดส์ แมกคินอก์ แลนซิง และ แอนอาร์เบอร์ มินนิโซตา เนบราสก้า โอไฮโอ วิสคอนซิน

ตะวันตกเฉียงใต้

  • รัฐแอริโซนา (Arizona) เป็นรัฐขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 และมีความหนาแน่นของประชากรเป็นอันดับที่ 14 จากทั้งหมด 50 รัฐ เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคือ ฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาเป็น 1 ใน 4 รัฐมุม อันได้แก่ รัฐยูทาห์ รัฐโคโลราโด รัฐนิวเม็กซิโก และรัฐแอริโซนานิวเม็กซิโก
  • รัฐโอคลาโฮมา (Oklahoma) มีพื้นที่เป็นอันดับ 20 ของประเทศ ชื่อของรัฐนี้มาจากภาษาชอคทอว์ คือ okla และ humma มีความหมายว่า Red People หรือ ชาวอเมริกันอินเดียน (อินเดียนแดง) และมีชื่อเล่นที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ The Sooner State การก่อตั้งมาจากภูมิภาคอินเดียน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) เป็นเป็นรัฐก่อตั้งลำดับที่ 46 ของประเทศสหรัฐ ประชาชนที่อาศัยในรัฐเรียกว่า ชาวโอคลาโฮมัน (Oklahomans) มีเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐคือ เมืองโอคลาโฮมาซิตี
  • รัฐเท็กซัส (Texas) เป็นรัฐที่อยู่ทางใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ทั้งหมด 695,622 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 22.8 ล้านคน เท็กซัสเป็นรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสองทั้งพื้นที่และประชากร และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ คือ ฮิวสตัน

ทิศตะวันตก

  • รัฐโคโลราโด (Colorado) เป็นรัฐทางตอนกลางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โคโลราโดเป็นรัฐที่อยู่ในเขตเทือกเขาร็อกกีซึ่งครอบคลุมราวๆครึ่งหนึ่งของรัฐทางฝั่งตะวันตก ในขณะที่ฝั่งตะวันออกของรัฐเป็นที่ราบ กองสำรวจประชากรแห่งสหรัฐ ได้สำรวจว่า ในปี พ.ศ. 2549 มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 4,753,377 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.49 เปอร์เซ็นต์จากปี พ.ศ. 2543ไอดาโฮ และมีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ เดนเวอร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ
  • รัฐมอนแทนา (Montana) เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกและ เป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ เมืองหลวงของรัฐคือ เฮเลนา พื้นที่ประมาณ 60% ของรัฐมอนแทนา มีลักษณะเป็นเทือกเขา ชื่อของรัฐมอนแทนา มาจากภาษาสเปน คำว่า montaña มีความหมายว่า ภูเขา เศรษฐกิจของรัฐมาจากทางด้านเกษตรกรรม ได้แก่ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต
  • รัฐนอร์ทดาโคตา (North Dakota) เป็นรัฐทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาติดกับประเทศแคนาดา ชื่อรัฐตั้งชื่อตามอินเดียนแดงเผ่าลาโคตา ที่ได้ตั้งรกรากบริเวณนั้นมาก่อน รัฐนอร์ทดาโคตาได้กลายมาเป็นรัฐของสหรัฐอเมริกาใน ปี พ.ศ. 2432 เมืองสำคัญในรัฐได้แก่ บิสมาร์กซึ่งเมืองหลวงของรัฐ และ ฟาร์โก เมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งของรัฐ
  • รัฐเซาท์ดาโคตา (South Dakota) เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศ ชื่อของรัฐตั้งชื่อตาม ลาโคตาและดาโคตา อินเดียนแดงเผ่าซู เมืองหลวงของรัฐเซาท์ดาโคตา คือเมือง ปิแอร์ เมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ ซู ฟอลส์ และ แรพิดซิตี สถานท่องเที่ยวสำคัญของรัฐคือ เมานต์รัชมอร์ อนุสรณ์สถานแห่งชาติตั้งอยู่ใกล้เมือง คีย์สโตนยูทาห์
  • รัฐไวโอมิง (Wyoming) เป็นรัฐตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ภูมิประเทศภายในรัฐมีลักษณะเป็นเทือกเขา เมืองหลวงของรัฐคือ ไชแอนน์ รัฐไวโอมิงเป็นรัฐที่มีประชากรน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีประชากร 493,782 คน ในขณะเดียวกันมีพื้นที่รัฐเป็นอันดับ 10 ของประเทศ มีขนาด 253,554 กม. รัฐไวโอมิงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือ อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา

แปซิฟิก

  • อะแลสกา (Alaska) รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับสหรัฐอเมริกา นับเป็นรัฐที่ 49 มีจำนวนประชากร 626,932 คน ชื่อ อะแลสกา นั้นน่าจะเพี้ยนมาจากคำในภาษาอะลิวต์ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่น แปลว่า “ดินแดนที่ไม่ใช่เกาะ” และมีพื้นที่ทางตะวันออกติดต่อกับดินแดนยูคอนเทร์ริทอรีและรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา ทางใต้ติดต่อกับอ่าวอะแลสกาและมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับทะเลเบริง ช่องแคบเบริง และทะเลชุคชี ส่วนทางเหนือติดกับทะเลโบฟอร์ตและมหาสมุทรอาร์กติก อะแลสกาเป็นรัฐที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีเขตแดนติดกับอเมริกาแผ่นดินใหญ่โดเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างสิ้นเชิง
  • รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีผู้อยู่อาศัย 39.5 ล้านคน พื้นที่ประมาณ 163,696 ไมล์ ทำให้เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของสหรัฐที่เป็นหน่วยการปกครองย่อยของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 34 ของโลก เมืองหลวงของรัฐ คือ แซคราเมนโต
  • รัฐฮาวาย ( Hawaii ) เป็นรัฐในสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ในหมู่เกาะฮาวายในมหาสมุทรแปซิฟิก ฮาวายได้รวมเข้ากับสหรัฐอเมริกาเป็นลำดับสุดท้ายคือลำดับที่ 50 ในวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2502 โดยฮาวายตั้งห่างจากชายฝั่งสหรัฐอเมริกาประมาณ 3,700 กม. และเมืองหลวงของรัฐ คือ โฮโนลูลูและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ
  • รัฐวอชิงตัน (Washington) เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก และเมืองหลวงของรัฐ คือ โอลิมเปีย

เขตการปกครอง

  • อเมริกันซามัว (American Samoa) เป็นดินแดนของสหรัฐอเมริกา ซามัวและอเมริกันซามัวถูกแบ่งแยกโดยส่วนของประเทศซามัวในปัจจุบันเคยอยู่ในการครอบครองของประเทศเยอรมนี ต่อมาก็ได้ถูกครอบครองโดยประเทศนิวซีแลนด์ ส่วนของอเมริกันซามัวก็ได้ถูกครอบครองโดยสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบัน
  • กวม (Guam) หรือชื่อทางการว่า ดินแดนกวมแห่งสหรัฐ เป็นเกาะหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นดินแดนที่ยังไม่ได้ปกครองตนเองของสหรัฐ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวชามอร์โรซึ่งอพยพมาอยู่ที่เกาะเป็นครั้งแรกเมื่อ 3,500 ปีมาแล้ว และเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ทางใต้สุดของหมู่เกาะมาเรียนา เมืองหลวงคือ ฮากัตญา (Hagåtña) เดิมเรียกว่า “อากาญา” (Agana)
  • หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา (The Northern Mariana Islands) หรือชื่อทางการคือ เครือรัฐหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะนี้ประกอบด้วยเกาะ 14 เกาะ มีประชากรจำนวน 80,362 คน และเมืองหลวง คือ ไซปัน
  • หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา (United States Virgin Islands) เป็นกลุ่มเกาะกลุ่มหนึ่งในทะเลแคริบเบียนซึ่งเป็นพื้นที่เกาะของสหรัฐอเมริกาในทางภูมิศาสตร์ หมู่เกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเกาะเวอร์จินและตั้งอยู่ในหมู่เกาะลีเวิร์ดของภูมิภาคเลสเซอร์แอนทิลลิส และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกาประกอบด้วยเกาะหลัก 3 เกาะ คือ เกาะเซนต์ครอย (Saint Croix) เกาะเซนต์จอห์น (Saint John) และเกาะเซนต์ทอมัส (Saint Thomas) รวมทั้งเกาะวอเตอร์ (Water Island) และหมู่เกาะเล็ก ๆ โดยรอบอีกเป็นจำนวนหนึ่ง ดินแดนแห่งนี้มีเนื้อที่รวม 346.36 ตารางกิโลเมตร (133.73 ตารางไมล์) จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี พ.ศ. 2543 มีจำนวนประชากร 108,612 คน

โครงสร้างทางเศรษฐกิจ 

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศพัฒนาสูง โดยมีเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกตามจีดีพีราคาตลาดอยู่ในอันดับต้น ๆ ในการวัดสมรรถภาพสังคมเศรษฐกิจหลายรายการ ซึ่งรวมถึงค่าจ้างเฉลี่ยการพัฒนามนุษย์ จีดีพีต่อหัวและผลิตภาพต่อคนขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐถือว่าเป็นหลังอุตสาหกรรม (post-industrial) ซึ่งมีลักษณะที่บริการและเศรษฐกิจความรู้ครอบงำ แต่ภาคการผลิตยังมีขนาดใหญ่สุดอันดับสองของโลกแม้มีประชากรรวมเพียง 4.3% ของโลกแต่สหรัฐคิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของจีดีพีโลกและกว่าหนึ่งในสามของรายจ่ายทางทหารโลกทำให้เป็นชาติเศรษฐกิจและการทหารแนวหน้า สหรัฐเป็นประเทศการเมืองและวัฒนธรรมโดดเด่น และผู้นำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเทคโนโลยี

การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วระหว่างปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ช่วยให้นักอุตสาหกรรมโดดเด่นจำนวนมากเฟื่องฟูขึ้น นักธุรกิจใหญ่อย่างคอร์เนเลียส แวนเดอร์บิลท์, จอห์น ดี. ร็อกเกอะเฟลเลอร์และแอนดรูว์ คาร์เนกีนำความก้าวหน้าของชาติในอุตสาหกรรมรางรถไฟ ปิโตรเลียมและเหล็กกล้า การธนาคารกลายเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ โดยเจ. พี. มอร์แกนมีบทบาทเด่น ทอมัส เอดิสันและนิโคลา เทสลาทำให้ไฟฟ้ากระจายแพร่หลายสู่อุตสาหกรรม บ้านเรือนและสำหรับการให้แสงสว่างตามถนน เฮนรี ฟอร์ดปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ เศรษฐกิจอเมริกาเฟื่องฟูและกลายเป็นเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก และสหรัฐได้สถานภาพมหาอำนาจ การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วนี้กอปรกับความไม่สงบทางสังคมและความเจริญของขบวนการประชานิยม สังคมนิยมและอนาธิปไตย สุดท้ายสมัยนี้สิ้นสุดลงด้วยการมาของสมัยก้าวหน้า (Progressive Era) ซึ่งมีการปฏิรูปสำคัญในสังคมหลายด้าน ซึ่งรวมทั้งสิทธิออกเสียงเลือกตั้งของสตรี การห้ามแอลกอฮอล์ การกำกับสินค้าบริโภค มาตรการป้องกันการผูกขาดที่มากขึ้นเพื่อประกันการแข่งขันและความใส่ใจความเป็นอยู่ของแรงงาน

สกุลเงิน

เงินในสหรัฐอเมริกาเรียกว่าดอลลาร์ (รหัสสากลคือ ISO 4217 ใช้ตัวย่อว่า USD และสัญลักษณ์ $) ที่มาของคำว่า dollar สามารถนับย้อนไปได้เกือบห้าร้อยปี เมื่อวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1520 Bohemian Count Hieronymus Schlick (เช็ก: Jeroným Šlik z Passounu) ได้ริเริ่มการผลิตเหรียญกษาปณ์ที่เรียกว่า “Joachimsthaler” โดยตั้งชื่อตามเหมือง Joachimsthal ที่เป็นแหล่งแร่เงินสำหรับผลิตเหรียญกษาปณ์นี้ (ภาษาเช็กปัจจุบันเรียกว่า Jáchymov) ในเวลาต่อมา “Joachimsthaler” ก็ถูกเรียกย่อลงเหลือเพียง “taler” หรือ “thaler” คำย่อนี้แพร่หลายไปทั่วยุโรปและบริเวณใกล้เคียง กลายเป็นคำในภาษาอื่น ๆ เช่น ภาษาเช็กว่า tolar, ภาษาเดนมาร์กและภาษานอร์เวย์ว่า (rigs) daler, ภาษาสวีเดนว่า (riks) daler, ภาษาดัตช์ว่า (rijks) daalder, ภาษาเอธิโอเปียว่า ታላሪ (talari), ภาษาอิตาลีว่า tallero, ภาษาเฟลมิชว่า daelder, ภาษาเปอร์เซียว่า Dare, เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษก็กลายเป็น dollar

เชื้อชาติ

ชาวอเมริกันส่วนใหญ่หรือบรรพบุรุษของพวกเขาอพยพไปอเมริกาหรือสืบเชื้อสายมาจากคนที่ถูกนำมาเป็นทาสภายใน 5 ศตวรรษที่ผ่านมายกเว้นประชากรชาวอเมริกันพื้นเมืองและผู้คนจากฮาวาย เปอร์โตริโก กวมและหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ซึ่งกลายเป็นคนอเมริกันผ่านการขยายประเทศในศตวรรษที่ 19 นอกจากนี้อเมริกายังขยายเข้าไปในอเมริกันซามัว หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา และหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในศตวรรษที่ 20

แม้จะมีองค์ประกอบหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรมของสหรัฐอเมริกาที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยึดถือร่วมกันยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอเมริกันกระแสหลักซึ่งเป็นวัฒนธรรมตะวันตกที่ได้รับมาจากประเพณีของชาวอาณานิคมในยุโรปเหนือและยุโรปตะวันตก ผู้ตั้งถิ่นฐานและผู้อพยพ นอกจากนี้ยังรวมถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมแอฟริกัน – อเมริกันด้วย การขยายตัวไปทางตะวันตกได้รวม Creoles และ Cajuns of Louisiana และ Hispanos ทางตะวันตกเฉียงใต้เข้าด้วยกันและทำให้เกิดความใกล้ชิดกับวัฒนธรรมของเม็กซิโก การอพยพครั้งใหญ่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 จากยุโรปใต้และตะวันออกได้นำเสนอองค์ประกอบที่หลากหลาย การอพยพจากเอเชียแอฟริกาและละตินอเมริกาก็มีผลกระทบเช่นกัน หม้อหลอมทางวัฒนธรรมหรือชามสลัดพหุนิยมอธิบายถึงวิธีการที่ชาวอเมริกันรุ่นต่อรุ่นได้เฉลิมฉลองและแลกเปลี่ยนลักษณะทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้วชาวอเมริกันและคนเชื้อสายอเมริกันสามารถพบได้ในต่างประเทศ ชาวอเมริกันจำนวนมากถึงเจ็ดล้านคนคาดว่าจะอาศัยอยู่ในต่างประเทศและเป็นคนอเมริกันพลัดถิ่น

ศาสนา

จากการสำรวจปีค.ศ. 2014 ผู้ใหญ่ 70.6% ระบุตัวเองเป็นคริสต์ศาสนิกชนลดลงจาก 73% ในปีค.ศ. 2012 โปรเตสแตนต์นิกายต่าง ๆ คิดเป็น 46.5% ในขณะที่นิกายโรมันคาทอลิกคิดเป็น 20.8% เป็นนิกายเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุด ศาสนาอื่นนอกเหนือจากศาสนาคริสต์ที่รายงานทั้งหมดในปี 2014 มี 5.9% ศาสนาอื่น ๆ ได้แก่ ศาสนายูดาห์ (1.9%), ศาสนาอิสลาม (0.9%), ศาสนาฮินดู, (0.7%) ศาสนาพุทธ (0.7%) การสำรวจยังรายงานว่าชาวอเมริกัน 22.8% ระบุตัวเองว่าอไญยนิยม, อเทวนิยมหรือไม่มีศาสนา เพิ่มขึ้นจาก 8.2% ในปีค.ศ. 1990 นอกจากนี้ยังมีชุมชน ยูนิทาเรียนยูนิเวอร์แซลิสต์, ศาสนาบาไฮ, ศาสนาซิกข์, ศาสนาเชน, ลัทธิชินโต, ลัทธิขงจื๊อ, ลัทธิเต๋า, ดรูอิด, พื้นเมืองอเมริกัน, วิคะ, มนุษยนิยม, และเทวัสนิยม

วัฒนธรรม 

สหรัฐเป็นบ้านของหลายวัฒนธรรมและกลุ่มชาติพันธุ์, ประเพณี และค่านิยมต่าง ๆ นอกเหนือจากประชากรอเมริกันพื้นเมือง ชาวฮาวายพื้นเมืองและชาวอะแลสกาพื้นเมือง อเมริกันหรือบรรพบุรุษของพวกเขาเกือบทั้งหมดตั้งรกรากหรือเข้าเมืองภายในห้าศตวรรษที่ผ่านมาวัฒนธรรมอเมริกันกระแสหลักเป็นวัฒนธรรมตะวันตกที่แปลงมาจากประเพณีของผู้เข้าเมืองชาวยุโรปที่มีอิทธิพลจากแหล่งอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น ประเพณีที่ทาสจากทวีปแอฟริกานำเข้ามาการเข้าเมือง ล่าสุดจากเอเชียและโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากละตินอเมริกา เพิ่มการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่เรียกว่าเป็นทั้งหม้อหลอมเป็นเนื้อเดียวกันและชามสลัดต่างชนิดกัน ในที่ซึ่งผู้อพยพและลูกหลานของพวกเขายังคงรักษาลักษณะทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น

ภาษา

แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่มีภาษาราชการในระดับสหพันธรัฐ แต่ 28 รัฐได้ผ่านการออกกฎหมายกำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการและถือว่าเป็นภาษาประจำชาติโดยพฤตินัย จากการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2000 ชาวอเมริกันมากกว่า 97% สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีและ 81% เป็นภาษาเดียวที่พูดที่บ้าน มากกว่า 300 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษมีเจ้าของภาษาในสหรัฐอเมริกา – บางภาษาพูดโดยชนพื้นเมือง (ประมาณ 150 ภาษาที่มีชีวิต) และภาษาอื่น ๆ ที่ผู้อพยพนำเข้า

การคมนาคม

การคมนาคมในสหรัฐอเมริกาอำนวยความสะดวกทั้งทางถนน ทางอากาศ ทางรถไฟ และทางน้ำ (ทางเรือ) การเดินทางของผู้โดยสารส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยรถยนต์ในระยะทางสั้น ๆ และเครื่องบิน (หรือทางรถไฟในบางภูมิภาค) สำหรับระยะทางที่ไกลขึ้นตามลำดับจากมากไปหาน้อย สินค้าส่วนใหญ่เดินทางโดยทางรถไฟ รถบรรทุก ท่อหรือเรือ โดยทั่วไปแล้วการขนส่งทางอากาศจะใช้สำหรับสินค้าที่เน่าเสียและการขนส่งด่วนพิเศษเท่านั้น การขนส่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ระบบไฟฟ้า

             

ประเทศที่ใช้ : อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และญี่ปุ่น

Type A ปลั๊กไฟแบบแรกจะเป็นแบบใบมีดเรียบแบน 2 ขา ตัวขาทั้งสองข้างถ้าเป็นในอเมริกาจะไม่เท่ากัน ฝั่งหนึ่งจะใหญ่กว่า แต่ถ้าเป็นของญี่ปุ่นขาทั้งสองข้างจะเท่ากัน ถ้าเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่นไปเสียบที่อเมริกาก็จะเสียบได้ แต่ถ้าเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าจากอเมริกามาเสียบที่ญี่ปุ่นจะเสียบไม่ค่อยได้ เพราะขาด้านหนึ่งจะใหญ่กว่ากัน ซึ่งไม่เข้ากับเต้ารับนั่นเอง และถ้าสังเกตดี ๆ ในปลั๊กประเภทนี้จะมีรูเล็ก ๆ อยู่ที่ขาทั้งสองด้าน มีเอาไว้ล็อกกับปุ่มด้านในเต้ารับ ทำให้เสียบปลั๊กได้แน่นขึ้นนั่นเอง บ้านเราก็มีปลั๊กแบบนี้เช่นกัน เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ก็นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น

Type B ปลั๊กไฟประเภทนี้ก็มีการใช้อย่างแพร่หลายในอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นปลั๊ก 3 ขา โดยมีขาแบน 2 ขา และขากลม 1 ขา เจ้าขากลมนั้นจะยาวกว่าขาแบนทั้ง 2 ขา (ขากราวด์) เพื่อให้กระแสไฟฟ้าถูกต่อไปยังสายดินก่อนที่จะมีการเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้า

 สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร: 090-327 3558088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line@thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

ข้อมูลประเทศอเมริกา


ที่มา:

ข้อมูลประเทศสหรัฐอเมริกาาอเมริกา, ข้อมูลประเทศอเมริกา

  • Advanced Search

Compare Listings